CBRSCLUB.COM

สวิตช์ตัดไฟหน้าทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว เพราะเหตุใด (มีคำตอบครับ)
- เรกูเลเตอร์ ที่ทำหน้าที่แปลงไฟไดร์ชาร์จ กระแสสับให้เป็นกระแสตรง และความคุมการจ่ายไฟให้ระบบไฟฟ้าทั้งคัน รวมไปถึงไฟชาร์จแบบเตอรี่ด้วย เรกูเลเตอร์จะเช็คโหลดของระบบเพื่อจ่ายไฟให้อย่างเหมาะสม
แต่ถ้าเมื่อใดที่เราตัดไฟหน้าออก โหลดจะหายไป 35 วัตต์ หรือ 2.916(3A.) แอป์ม (กระแส = กำลังไฟฟ้า/แรงดันไฟฟ้า) ทำให้ เรกูเลเตอร์ จ่ายกระแสออกมาน้อย ซึ่งไม่เพียงพอต่อการชาร์จแบตเตอรี่

- ตอนนั้นทดลองกับ Wave 125i และ CBR 150R fi ของผมครับ ใช้มิเตอร์ Fluke 111 ต่ออนุกรมวัดกระแสจาก เรกูเลเตอร์ ที่จ่ายให้แบตเตอรี่ และเริ่มถอดหรอดไฟหน้า-ไฟท้าย ผลปรากฏว่า กระแสที่จ่ายออกมาลดลงต่ำกว่าค่า กะแสเริ่มต้นชาร์จ ของแบตเตอรี่ (Initial Current) นั่นคือเหตุผลที่ทำให้แบตเสื่อมครับ

* โชคดีแบตเตอรี่เสื่อมเร็ว โชคร้าย เรกูเลเตอร์ พัง *

ปล.1 เอาภาษาบ้านๆแบบเข้าใจง่ายๆครับ ใครอยากได้ข้อมูลเทคนิค ทิ้งคำถามไว้ได้เลยครับผม
ปล.2 มีวิธีแก้ไขครับ (เดี๋ยวมาไขข้อข้องใจ ไปทานข้าวก่อนนะครับ หิวมาก...)

ขออนุญาตเจ้าของภาพด้วยนะครับ
(http://upic.me/i/r8/0o3uvu.jpg)

 l13 รู้จริงครับ
ผมคนนึงไม่ติดสวิตช์ตัดไฟ ครับ ถ้าจะทำต้องมีอีกนิดหน่อยอย่างที่คุณว่าแน่นอน
รถบิกไบค์ ก็เคร่งกันมากเกี่ยวกับ เรื่องระบบไฟ ครับ

ขอบคุณที่มาแชร์ความรู้ดีๆ

 >coooool >yes

รอฟังความรู้ด้วยคนคับ  :-\

ใช้ เพาเวอร์รีซิสเตอร์ ขนาด 35 วัตต์ (Power Resistor 35W) หาที่ติดดีๆนิดนึงครับ เพราะต้องติดแผงระบายความร้อนให้มันด้วย และสวิตช์สลับ 1 ตัว

วงจรตามภาพเลยครับ

(http://upic.me/i/t6/95untitled.jpg)

พี่ครับขอดูตัว เพาเวอร์รีซิสเตอร์ ขนาด 35 วัตต์ หน่อยครับเป็นตัวยังไง

คุณ chatchawan ครับ

มันคล้ายๆ IC คล้าย Transistor ครับ แต่จะมีแค่ 2 ขาเท่านั้น ตามภาพ

(http://upic.me/i/sm/94untitled.jpg)

ความรู้ล้วนๆ !goodjob !goodjob อยากทราบว่าพอต่อเพาเวอร์รีซิสเตอร์ เสร็จแล้ว ผลจะเป็นอย่างไรครับ คือเราสามารถมีสวิตเปิด-ปิดไฟโดยที่แบตไม่เสื่อมใว้กว่าเดิมใช่ไหมครับ ;) ;)

 >yesพึ่งรู้นะนี่ว่ามันมีผลขนาดนี้เลย

ดูแล้ว ก็ ทำไม่เป็นอะ ไม่มีความรู้ทางด้านนี้เลย <cry

 !goodjob แจ่มมาก

ขอถามหน่อยครับ

ทำไม150คาร์บูรุ่นแรก ถึงทำสวิตปิด-เปิดมาให้ หรือว่ามันมี เพาเวอร์รีซิสเตอร์ มาให้ในระบบครับ

แล้วถ้าcbr150i จะใส่หลอดไฟ H4 55w ต้องทำอย่างไรครับ

 ;)

รุ่นแรกมันมี ชุดจ่ายไฟจากเยนเนอร์เรเตอร์ 2 ชุด เข้าเรกกูเรเตอร์ ครับ สังเกตได้ไฟหน้าจะหรี่สว่างตามรอบเครื่อง ส่วนตัวใหม่ ถ้าจะใช่หลอด 45 วัตต์นี้ไม่เคยลอง แต่คิดว่าน่าจะได้ แต่จะมีปัญหา กับโคม หรือ ขั้วหลอด หรือเปล่าไม่ทราบได้ ลองเอารีเลย์มาช่วยตัดต่อไฟจากแบต มาที่ขั้วหลอดโดยตรง น่าจะป้องกันสวิทช์ไฟได้ดีขึ้น ใช้สายขนาดที่เหมาะสม น่าจะได้ แต่เรกกูเรเตอร์ น่าจะทำงานหนักกว่าเดิม แต่น่าจะไหว นะ เพิ่มมาอีก 10 วัตต์ ก็หลอดไฟเลี้ยวหลอดหนึ่ง  ก็คิดเสียว่า เปิดหลอดไฟเดิมกับเปิดไฟเลี้ยวค้างไปด้วย ก็น่าจะไหว

(1) เรกูเลเตอร์ ต่างกันครับ ของรุ่นเก่าจะจ่ายไฟเท่าเดิมตลอด ที่เป็นอย่างนั้นก็เพราะว่าแบตเตอรี่แบบกรดกรดซัลฟิวริก(แบตเปียก) ทนต่อการชาร์จได้หลายรูปแบบครับ   แต่สำหรับแบตเตอรี่ นิเกิล-แคดเมียม หรือที่เราเรียกว่า แบตแห้ง ไม่ทนต่อการชาร์ทแบบนั้นครับ ชาร์จไฟแรงเกินไปเกิดความร้อนแบตบวมขั้วในละลาย ชาร์จไฟต่ำเกินไปก็ชาร์จไม่เข้าพอไม่มีประจุในเซลแบต ก็เกิดเมือกจับที่เซล เสื่อมซะงั้น "ยังมีอีกหลายปัจจัยครับ ทั้งตัวเรกูเลเตอร์เอง การดึงลงกราวด์ การ Feedback เพื่อให้แรงดันคงที่" (ถ้าว่างๆจะมาเล่าให้ฟังครับ)

(2) ถ้าตอบแบบกำปันทุบดิน ก็เปลี่ยน เรกูเลเตอร์ให้มีพิกัดเพิ่มขึ้น เปลี่ยนแบตเพิ่มสัก 2 แอป์ม เปลี่ยนฟิวส์ 2 แอป์ม  ครับ  (จริงๆมีทางที่ดีกว่านั้นครับ เดี๋ยวผมไปหาวิธีก่อน จะบอกไปเลยก็อาจจะพิดพลาดได้ ผมต้องไปทดลองก่อน แล้วจะมาบอกนะครับ)

ง่า...ใส่สวิตช์ไฟหน้าซะด้วย  :fdwrt :fdwrt

พี่คับแล้วตัวหัวฉีด ติดสัญญาณกันขโมยอ่าคับ มานจามีผลต่อระบบไฟป่าวคับ แบบที่มีปุ่มกดสตาร์ทรถระยะไกลนั่นอ่าคับ   !goodjob

ตัวคาร์บูก็ไม่มีปัญหาใช่ไหมครับ

กล่องสัญญาณกันขโมย ใช้ไฟแค่นิดเดียวครับ มันจะใช้ไฟแค่ไปเลี้ยงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ กับ เซนเซอร์ แล้วก็หลอด LED ที่กระพริบ   ถ้าเซนเซอร์ไม่ทำงาน หลอดไฟเลี้ยวก็ไม่กระพริบ บัซเซอร์(ตัวส่งสัญญาณเสียง) ก็ไม่ทำงาน มันก็ไม่มีโหลดครับ มันกินไฟน้อยมากครับ "ถ้าประจุไฟแบตเตอรี่เท่ากับ รถ18ล้อ กล่องสัญญาณกันขโมยก็เท่ากับรถบังคับวิทยุครับ พูดให้เห็นภาพ"
- แถมเรื่องการสตาร์ทด้วยรีโมทครับ    ใช้ไปเลยครับไม่ต้องกลัว ในกล่องจะมี รีเลย์ ซึ่งต่อขนานกับ สวิตช์สตาร์ทอยู่ มันก็ทำงานเหมือนกับ สวิตช์สตาร์ท ต่างกันแค่ใช้รีเลย์กดแทน มือกดเท่านั้นเองครับ

ตัวคาร์บูเรเตอร์ ก็เป็นเหมือนกันครับ

 >%^SR ขอบคุณสำหรับข้อมูลครับ แต่ระบบไฟรถผมจะไม่ยุ่งกับมันเด็ดขาดครับ  l1

ใช้สวิตอยู่ครับ เดี๋ยวเเบตเสื่อมเเล้วผมจะมารายงานนะครับ ตอนนี้ใช้มา 9เดือนเเละ  !>>)
ดูซิมันจะเสื่อมเร็วขนาดไหน

 !pingping !pingping !goodjob !goodjob

 :D....ผมก็ใส่สวิตซ์ปิดเปิดไฟหน้านะ.....ตอนนี้แบตยังไม่เสื่อมฮะ.....ใช้มาประมาณ1ปีกับ6เดือนจ๋าาาา

ผมก็ยังไม่เสื่อมนะ...ทั้งแบตทั้งคน  >som >som

แค่เล่าให้กันฟังครับ ผมก็แค่โดนมากับตัว  เสียเงินไปก็เยอะกับ เรกูเลเตอร์ ที่ทำงานแบบนี้  ก็อยากให้เพื่อนๆระวังกันครับ <cry

ไม่รู้เกี่ยวกันหรือป่าวนะครับ รถผมเปลี่ยนแบตไปได้ไม่ถึง 6 เดือนดี ตอนนี้แบตบวมละครับ เพราะออกต่างจังหวัดบ่อย วิ่งรอบ 9 พันตลอด แล้วมีสวิตเปิด-ปิดไฟหน้าด้วย เลยไม่ค่อยได้ใช้ไฟหน้าเท่าไร :-\

ตัดโหลดออก  กระแสจากแหล่งจ่ายก็ต้องลดลงเป็นธรรมดา อันนี้ความคิดผมนะ

ผมก็เจอสถานะการณ์เดียวกันครับ  ใครที่ชะล่าใจบอกว่าไม่พัง ขอบอกครับว่าไม่ช้าก็เร็ว  เพราะโดนมาแล้ว แถมลามไปถึงปั๊มหัวฉีดเลย   ยิ่งใครที่ใส่ซีน่อนด้วยยิ่งน่ากลัวสุดๆ  รุ่นนี้ไม่เอื้อต่อการใส่ซีน่อนครับ พังทีนี่แทบจะยกชุดแบตฯ แผ่นชาร์จ มัดข้าวต้ม

เสียตังค์ไปเยอะครับกว่าจะกลับมาเป็นปกติ

เอาแล้วไง  @#%$( @#%$( @#%$( @#%$(

พี่ครับ ผมงงมากเลย ผมใช้มิเตอร์วัดไฟจากแบต ตอนที่ยังไม่ได้ติดเครื่องยนต์ มันได้ 13.86 v แสดงว่าแบบคงเต็ม จากนั้นก้ทำการติดเครื่อง วัดไฟอีกมันได้ 14.07~14.08 v แต่พอเปิดไฟหน้าแรงดันลดลงเหลือ 13.99~14.00 v
แล้วก้ทำการเร่งเครืองยนต์ให้ได้ที่ 5000 rpm แรงดันไฟก้ได้ 13.99~14.00 v
จากนั้นก้ปิดไฟหน้าเร่งเครื่องไป ที่ 5000 rpm แรงดันไฟก้ได้ 14.06~14.08 v
นั้นก้หมายความว่า ไฟมันชาร์อยู่ปกติไม่ใช้หรือครับ
ผมเลยงงว่า แรงดันไฟอาจจะมากขึ้นนิดหน่อยตอน ปิดไฟหน้า แต่กระแสที่จ่ายออกมาอาจ ^^จะลดลง หน่อย นั้นก้อาจจะ
ทำให้การชาร์แบตต้องใช้เวลานาน ขึ้นเท่านั้นเองนี่ครัส่วนเรกูเรต์จ่ายกระแสน้อยลงนมัน ก้น่าจะทำให้ยืดอายุการใช้งาน
ของตัวมันเอง คิดไปคิดมางงอะครับ ช่วยอธิบายหน่อยได้ปล่าวครับ

 >@#%GD ก็ขออธิยานสั้นๆนะครับ

(ก่อนอื่นต้องแยกคำว่า แรงดัน กับ กระแส ออกจากกันนะครับ มันไม่ใช่ค่าเดียวกัน)

- ที่บอกว่ายังไม่สะตาร์ท วัดแรงดันได้ 13.86 V. นั่นคือแรงดันของแบตเตอรี่ครับ (ผมวัดได้ 12.8 Vเองนะครับใช้มิเตอร์ CA8332B ราคาแสนกว่าบาทของบริษัทครับ)
- ที่บอกว่าติดเครื่องแล้ว วัดได้ 14.07~14.08V. นั่นคือแรงดันที่จ่ายมาจาก เรกูเลเตอร์ครับ
(2ข้อแรกนี้ ต้องมองว่าวงจรในรถเป็นวงจรแบบขนานครับ ดังนั้นวัดแรงดันทุกจุด จะได้ค่าจากแหล่งจ่ายที่มากที่สุด ซึ่งนั่นก็คือ เรกูเลเตอร์ครับ)

- ถามว่าไฟชาร์จปกติใช่ไหม ขอตอบว่าไม่ใช่ครับ รายละเอียดตามภาพ  ****** ค่าเป็นค่าสมุตินะครับ ****

(http://upic.me/i/lb/17untitled2.jpg)

- เรกูเลเตอร์ จะแปรผันไปตามโหลดครับ โหลดมากก็จ่ายกระแสมาก โหลดน้อยก็จ่ายน้อน เป็นการป้องกันแบตเตอรี่ในกรณีหลอดไฟขาดครับ ถ้าเรกูเลเตอร์ไม่ลดกระแสตามโหลดมันก็จะไปชาร์ตที่แบตเต็มๆ หรือที่เรียกว่า โอเวอร์ชาร์ท นั่นแหละครับ ในกรณี้แบบแห้งจะทำให้ขั้วละลาย บวมครับ   แต่ถ้าเป็นแบตเปียกของยุคก่อนๆมันรับได้ครับ

****  ต้องมองว่าแบตมอเตอร์ไซค์ทำหน้าที่เหมือนตัวเก็บประจุครับ มันจะคายประจุก็ต่อเมื่อเปิดไฟโดยไม่สตาร์ทเครื่อง และตอนที่เครื่องทำงานในรอบต่ำ "ก็อย่างที่น้องบอกว่า ต้องบิตไปที่ 5,000 rpm ถึงจะได้แรงดันสูงสุด" ถ้าใครเคยขับรถตอนที่ถอดแบตออกจะรู้ครับว่า ไฟมันจะมาเต็มที่ตอนที่เราบิดคันเร่ง "เปิดไฟเลี้ยวก็ไม่กระพริบครับต้องเร่งเครื่อง" นั่นคือเหตุผลที่ต้องเอาแบตเตอรี่มาเก็บประจุไว้จ่ายในตอนที่เครื่องยนต์ปั่นไฟออกมาไม่เต็มที่ครับ     //// ซึ่งมันต่างกับกับการใช้งานแบตไฟฉาย แบตโทรศัพท์ ที่ต้องคายประจุออกก่อน แล้วค่อยมาชาร์จทีหลัง\\\\ *****

ถ้ายังไม่เข้าใจโทรมาถามได้ครับ 087-865-7884 (อ้ำ) ถึง 4 ทุ่มครับ "5ทุ่มไม่ต้องโทร.นะครับดู ยูโร อยู่"  <%6

(http://upic.me/i/gf/98untitled.jpg)

^
^
ขอถามครับ
ถ้าสมมุติเปลี่ยนเป็นแบ็ตน้ำ7A. จะสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้ไหมครับ
คือผมไม่เก่งเรื่องระบบไฟเท่าไร เลยคิดว่าถ้าเอาแบ็ตน้ำที่ทนต่อการชาร์ทประจุไฟมาใส่อาจช่วยได้บ้าง

ในกรณีการชาร์ทไฟจากเรกกูเลเตอร์ต่ำลง(เนื่องจากปิดสวิสต์ไฟหน้า)
โหลดน้อยเลกกูเลเตอร์ก็จ่ายไฟน้อย ไฟชาร์ทเข้าแบ็ตน้อยลง
เหตุผลนี้ทำให้แบ็ตแห้งเสื่อมใช่ไหมครับ เพราะไฟชาร์ทเข้าแบ็ตน้อยเกินไป

ปล.รถผมยังไม่ออกอาการครับ แต่อ่านกระทู้นี้แล้วหลอนยังไงไม่รู้ :-X

เ้ป็นคำถามที่ดีมากครับ ตอบสั้นๆว่าได้ครับเอาแค่ 5A. ก็ได้ครับ    แต่.....
- การใช้แบตเตอรี่เซลเปียก คุณจะต้องตั้งแบตให้ตรงนะครับ เพื่อให้น้ำกรดจะถ่วมแพงเซลพอดี เพระน้ำกรดจะเป็นทางผ่านการไหลของ อิเล็กตรอน (ประจุไฟฟ้าลบ)
ไม่เช่นนั้น การไหลของอิเล็กตรอนจะไม่เสถียร ส่วนแผงเซลที่ไม่ถูกน้ำกรดก็จะเกิดเมือก ทำให้เสื่อมได้เช่นกันครับ  ((( ลองสังเกตุที่รถยนต์ หรื่อเครื่องจักรอื่นๆที่ใช้แบตเปียก จะต้องแบตให้ตรงเสมอ )))  :D

***** ศัพท์ที่ใช้เป็นศัพท์บ้านๆ ถ้าต้องการข้อมูลเทคนิค โทร.02-555-9999 ต่อ 1258 คุณปรีดา (เจ้าหน้าที่เทคนิค) ผมเองครับ *****
 ;)

ขอบคุณคับ ว่างๆต้องหาเวลาทำมั่งซะแล้ว  >yes

ขอบคุณมากๆ เลยครับ !goodjob

ตัดปัญหาสำหรับคนที่ติดสวิทปิดเปิดไฟหน้าด้วยเปิดไว้ตลอดเหมือนเดิมปัญหาเหล่านี้จะหมดไปหรือปล่าวครับท่าน

    ใช่คับ  >som  ผมเปิดก่อนเข้าด่านเท่านั้นเอง ขี่เลยไปก้อดับ  ยิ่งสตารทตอนเช้าด้วย ต้องปิดเลยคับ สตารทติดยาก ติดแล้วถึงจะเปิดได้ :-\

อ่านแล้วก็เข้าใจเลย แต่ผมสงสัยอย่างเดียว  150i นี่ไฟหน้าผ่านแบตเตอรี่ด้วยเหรอคับ   !wanwan

เปิดสวิตช์ปุ๊บ ไฟหน้าติดปั๊บ ขณะที่ยังไม่สตาร์ทเครื่อง ก็แสดงว่าไฟหน้าใช้ไฟจากแบตเตอรี่โดยตรงครับ

สวิตช์กุลแจนะครับ "พิมพ์ตก"

อ่อ
อ่อไม่เหมือน cbr150 ตัวเก่า

ว่าด้วยแบ็ตเตอรี่ พออ่านเยอะ ๆ คงจะเริ่มงงนะครับ

ก็แบบว่าถ้าสมมติว่าแบ็ตมีค่าเท่ากับ 3A 
ถ้ากระแสในระบบมีมากกว่า 3A จะเป็นกระบวนการชาร์ทไฟเข้าแบ็ต (Charge)
แต่ถ้ากระแสในระบบมีค่าต่ำกว่า 3A จะเป็นกระบวนการคายประจุไฟออกจากแบ็ต (Discharge)

แรงดันที่เก็บสะสมได้จะประมาณ 12V

เริ่มงงรอบสอง
+++++++++

ถ้าสมมติว่าแบ็ตเตอร์รี่คือถังน้ำ
แรงดันจะเท่ากับขนาดรูของก๊อกน้ำ
กระแสจะเท่ากับประมาณของถังน้ำ (ไม่น่าจะใช่แต่ก็ใกล้เคียงแหละครับ)

แค่พูดให้เห็นภาพนะครับ บางท่านอาจจะรู้จัก หรืออาจจะถนัดกับด้านอื่นเพราะเรียนมาทางด้านนั้น
แต่พอมาอ่านกระทู้ที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์แล้วงง ผมก็เลยพูดให้เห็นภาพเฉย ๆ
ผู้ที่เชียวทางด้านนี้ก็เชิญต่อเลยครับ

 l9 l9 l9 l9 l9 l9

เร็กกูเลเตอร์มันควบคุมให้แรงดันคงที่ ไม่ได้ควบคุมกระแส แต่กระแสจะแปรผันกันกับโหลด เมื่อตัดโหลดออก กระแสก็ต้องลดลงเป็นธรรมดา V=IR
ในการชาร์ตในรถยนต์และมอไซค์ จะเป็นการชาร์ตแบบง่ายๆ คือจำกัดแรงดันไม่ควบคุมกระแส ถ้าแรงดันแบตต่ำกว่าแรงดันชาร์ตกระแสเข้าแบตก็จะสูงขึ้น เมื่อแรงดันแบตเข้าใกล้แรงดันชาร์ต(แบตใกล้เต็ม) กระแสก็ลดลงเรื่อยๆ ถ้าไฟชาร์ตไม่เกิน 13.5-14.5V ก็ใช้ไปเหอะ แต่ถ้าลูกเล็กแบบ CBR 14V ก็กำลังสวย
 !wanwan !wanwan

กระแสมันแปรผันตามโหลด แล้วถ้าโหลดมันลดลง กระแสในวงจรก็ต้องลดลงด้วยถูกมั๊ยครับ     แต่ว่าแบตเตอรี่แห้ง มีค่ากระแสเริมชาร์จของมันอยู่ (Initial Current) ถ้ากระแสในวงจรมันลดลงจนต่ำกว่าค่านี้  ถึงแม้ว่าไดร์ชาร์จจะทำงานเต็มที่ เรกูเลเตอร์ก็จะจ่ายโหลดตามที่มีอยู่จริงเท่านั้นครับ  ฉนั้นแบตเตอรี่ก็ไม่เกิดการชาร์จ  หรืออาจชาร์ทเข้าได้แต่น้อยมาก   สาเหตุที่แบตของผู้ที่ตัดไฟหน้าออก  ในทุกวันนี้มันยังไม่เสื่อม ก็เพราะในตอนที่เปิดไฟหน้าในเวลากลางคืน มันก็เกิดการชาร์ทครับ     แต่ถ้าใครใช้รถเฉพาะตอนกลางวันอย่างเดียวไม่เคยเปิดไฟหน้าเลย  ก็เป็นอย่างที่อธิบายมาข้างต้นนั่นแหละครับ

ไม่มีรุ่นหัวฉีดใช้  แต่อยากดูแปลนไฟของรุ่นนี้จัง 

เดี๋ยวจับแยกสองโหลดให้รู้แล้วรู้รอด  ทางออกมีเยอะ ;D

ถ้าหัวฉีดได้สามีเป็นคาบู จะพังไหม  l11

ถ้าแรงดันของวงจรเลกูเลเตอร์สูงกว่าแบต กระแสก็ต้องไหลเข้าแบตใช่ไหมครับ???

ถ้ากระแสไหลเข้าแบตน้อยแปลว่าแรงดันแบตสูงขึ้นจนใกล้แรงดันชาร์ตใช่ไหม???

กระแสชาร์ตแบตแห้งอยู่ที่กี่ C แค่ 0.1C ชาร์ตได้ไหม???

ระบบไฟ ชันท์เรคติไฟเออร์-เรคกูเลเตอร์แบบสามเฟส นี้มีใช้ในบิ๊คไบค์มาหลายสิบปีแล้ว แม้แต่ในเอ็นเอสอาร์150RR - RRW -ProArm ก็ใช้ เปิด-ปิดไฟหน้าได้ด้วยทำไมไม่พัง???

อีกนิดครับ

จากที่เคยเจอมา สาเหตุที่แบตเสียที่นอกเหนือจากหมดอายุการใช้งานคือ วงจรเรกูเลเตอร์เสียแรงดันชาร์ตสูงเกิน ทำให้กระแสสูงไปด้วย

เมื่อโอเวอร์ชาร์ตทำให้แบตร้อนบวม หลายคันแรงดันเกินไม่มากเมื่อเปิดไฟหน้าทำให้แรงดันในวงจรตกลงอยู่ในช่วงที่ยอมรับได้เนื่องจากมีโหลดมาก

เมื่อลดโหลดลง(ปิดไฟ)ทำให้แรงดันสูงขึ้น จึงส่งผลต่อแบต(โอเวอร์ชาร์ต) และอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆในรถ กรณีนี้น่ากลัวครับ

ส่วนในกรณีที่แรงดันต่ำเกิน แบตไม่ชาร์ต จะมีอาการขี่ๆไปไฟไม่พอ อาจดับกลางอากาศ หรือไฟหน้าหรี่ลง ปิดไฟหน้ารู้สึกวิ่งดีขึ้น

แบตไม่ค่อยเก็บไฟ ต้องถอดไปชาร์ตบ่อยๆ กรณีนี้น่ากลัวน้อยกว่าครับ

ค่า C ของแบตเตอร์รี่ ย่อมาจาก Cycle ครับ ไม่ใช่ Current      ค่านี้มีความหมาย เช่น 10C = ความสามารถในการอัดประจุตั้งแต่ 0% - 100% ได้ 10 ครั้ง "แต่ในปกติเราไม่ได้ใช้จนเหลือ 0% อยู่แล้ว  อาจจะใช้ไปเพียง 20%  ดังนั้น การชาร์จกลับก็จะเท่ากับ 0.2C เท่านั้น   กว่าจะถึง 10C ก็หลายครั้งครับ"


- ส่วน เอ็นเอสอาร์150RR - RRW -ProArm ของท่านเป็นรถในศตวรรษที่ 19  มีสวิตช์เปิดปิด ใช้แบตเปียก ที่สามารถชาร์ทได้หลายรูปแบบเหมือนรถยนต์
- แต่บัจจุบันมีการรณรงค์ ให้เปิดไฟหน้าเพื่อลดอุบัติเหตุ ซึ่งได้รับความรวมมือจากค่ายมอเตอร์ไซค์ จึงได้ผลิตรถที่เปิดไฟหน้าตลอดเวลาออกมา (ต่างประเทศมีมานานแล้ว)
มันก็เป็นอีกหนึ่เหตุผมที่ทำให้ระบบไฟฟ้าของรถมอเตอร์ไซค์ในปัจจุบันเปี่ยนไป "เรกูเรเตอร์ต้องรองรับโหลดเต็มอัตราตลอดระยะเวลาการขับขี่" และจะแปรผันไปตามโหลด เพื่อป้องกันการ โอเวอร์ชาร์จ ของแบตรี่ ในกรณีหลอดไฟขาด

(((((  ที่ทำงานผมต้องใช้งบประมาณในการสั่งซื้อแบตเตอรี่ปีละลายแสน   เพื่อใช้ในระบบไฟฉุกเฉิน ไฟแสงสว่างฉุกเฉิน ไฟป้ายบอกทางหนีไฟ เครื่องจักรดีเซล แฮนด์ลิฟท์ไฟฟ้า หรือแม้กระทั่งรถยนต์จัดส่งสินค้า ระบบเหล่านี้ใช้แบตเตอรี่ครับ ละผมก็มีโอกาศได้ศึกษาคุณสมบัติของแบตเตอรี่หลากหลายยี่ห้อ(แบตเตอรี่ในบ้านเราส่วนใหญ่จะนำเข้าครับ) เพื่อใช้เป็นข้อมูลในการเลือกซื้อแบตเตอรี่  เพื่อให้ได้สเป็คที่เหมาะสม และความคุ้มค่าของเม็ดเงินมากที่สุด   "ถ้าข้อมูลผมไม่แม่นจริงผมก็คงไม่ขอมาเล่นบทจำอวดในนี้หรอกนะครับ" )))))

**************** อยากให้ท่านให้ข้อมูลที่ถูกต้องแก่เพื่อนสมาชิกด้วยครับ *******************


(http://upic.me/i/av/uvvx1.jpg)

 >yes

 ตามนั้นครับ ผมคงเรียนมาคนละตำรา

  ;)

สุดยอดครับ  !goodjob ความรู้ทั้งนั้น  ;) ;)

ถ้าเกิด ผมใส่ หลอดไฟหน้า 55/60 มันจะมีผลกับแบตไหมครับ เท่าที่อ่านมา เหมือนว่า มันจะจ่ายแค่ 35 เท่านั้น เพราะว่า ตอนนี้แบต บวมแล้วเลยอยากรู้ครับ

หลอดไฟจากโรงงาน 35W เปลี่ยนเพิ่มเป็น 55W ทำให้กระแสที่ไหลในวงจรสูงขึ้น ถ้าค่ากระแสนั้นมากกว่าค่า Quick Charge Current (ชาร์จด้วยกระแสสูงเพื่อให้เต็วเร็ว) มันจะทำให้ แบตรับไม่ได้ เมื่อเกิดลักษณะนี้นานๆมันจะทำให้เกิดความร้อน ขั้วเซลล์ด้านในละลาย บวม นี้เป็นสาเหตุแรก     แต่ถ้าไม่ใช่สาเหตุนี้ ผมขอเดาว่าคุณ THE YOK ต้องทำสวิตช์เปิด-ปิด ไฟหน้าแน่ๆ ดังนั้นในช่วงที่ปิดไฟ กระแสจะลดต่ำลง ทำให้แบตไม่เกิดการชาร์จ หรือชาร์ดได้น้อยมากๆ เนื่องจากกระในวงจรมันต่ำกว่าค่ากระแสเริ่มชาร์จของแบตเตอรี่ (Initial Current) ทำให้ไฟของแบตไหลออกไปเร็วกว่าที่ชาร์จกลับเข้ามา ลักษณะนี้แบตจะอยู่ในสถานะไม่เติมตลอดเวลาที่ไม่เปิดไฟหน้า  แต่เมื่อเปิดไฟหน้าปั๊บ กระแสในวงจรก็จะเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งมากเกินค่า Quick Charge ที่บอกไปข้างต้นครับ


 วิธีแก้ง่ายมากครับ เปลี่ยนแบตเตอรี่จาก 5 Ah. เป็น 6-7 Ah. / 20HR ครับ   แต่ต้องไม่มีสวิตช์ตัดไฟหน้า    แต่ถ้ามีก็ควรเปิดไว้ประมาณ 1 ใน 3 ขอเวลาที่ใช้ในการขับขี่ต่อวันครับ วิธีนี้ช่วยได้
หมายเหตุ: /20HR หมายถึง ความสารถจ่ายกระสูงสุดของแบตเตอรี่ได้ 20 ชัวโมง  เช่น  12V 5Ah/10HR     12โวล์ท  5 แอมป์  10 ชัวโมง  เป็นต้น

ขอบครับ ผม บังเอินอ่านแล้วไปแกะแบตดู บวมเป่งเลย ตอนนี้ เสียว ๆ เหมือนหนีบ C4  :-\ อยู่เลยหาข้อมูลไว้ ก่อน
สรุปว่า เปลี่ยน หลอดเป็น 55/60 ได้ แต่ต้อง เพิ่มแอมแบตด้วย ใช่ไหมครับ ผมได้ถอดสวิตช์ออกใส่อันเดิมแทน

   ถูกครับต้องครับ

 ถูกต้องครับ

แล้วรุ่นคาบูตัวสุดท้าย ใส่สวิตปิดเปิดได้ไหมครับ

    อันนี้ไม่ทราบจริงๆครับ  พอดีผมไม่มีโอกาสได้แกะวงจรเรกูเลเตอร์ของตัวคาร์บูฯมาดูครับ  แกะแต่ของหัวฉีดครับ
   

ผมเคยทำสวิตตัดไฟ ใต้เบาะแล้วใส่ ประแจ ไว้ครับ ผลคือ ประแจไปโดนสวิตช์   ทำรถดับกลางทางด้วยความเร็ว100 น่ากลัวมาก  :o :o :o :o

ขอบคุนสำหรับความรู้ครับ

เดืมๆดีแล้วครับ ขอบคุณสำหรับความรู้ครับ >yes

ผมใช้ CBR150R ปี51 ซึ่งกำลังจะตัดไฟหน้าออกไป โดยเปลี่ยนไปใช้ไฟโปรเจคเตอร์สำหรับมอเตอร์ไซค์ โดยการต่อตรงผ่านสวิตช์กุญแจ อย่างนี้จะมีปัญหาต่อระบบชาจ์ตของแบตเตอรี่มั้ยครับ

--- ถ้าใช้โปรเ็คเตอร์ 1 หลอดขนาดไม่เกิน 50-55W ---
ซื้อ เรกูเลเตอร์ ใหม่ที่สามารถจ่ายไฟสูงสุดได้ 4-6 A. เปลี่ยนแบตเป็น 9A แต่ไม่เกิน 12 A (แบต 9A. ของ CBR600, CBR1000หน้าจะมีครับ  และ เรกูเลเตอร์ ของHond สเป็คนี้ ราคาพันกว่าบาทเลงครับ) *** ใช้ฉุดเดียวจบครับ***  แต่ต้องดูดีๆนะครับเพราะ CBR 2008 ตัวปั่นไฟ (Generator) เป็นระบบ 1 เฟส ก็ต้องหาซื้อเรกูเลเตอร์ที่เป็นระบบ 1 เฟสเหมือนกันครับ


การใส่สวิตช์ขึ้นอยู่กับ เรกูเลเตอร์ ครับ ถ้าเป็นเรกูเลเตอร์ชนิดที่แปรผันตามโหลด ก็ไม่ควรใส่สวิตช์    แต่ถ้าเป็น เรกูเลเตอร์ แบบจ่ายค่าคงที่ก็สามารถใส่สวิตช์ตัดต่อได้ครับ  (ส่วนใหญ่ เรกูเลเตอร์ ขนาดนี้รุ่นนี้ จะจ่ายไฟคงที่ครับ)

ฟันธงได้รึเปล่าครับ ว่าต้องทำยังไงถึงจะดีที่สุดครับ .... ^^"

   ทำได้ 100%  แต่วิธีที่ดีที่สุดไม่มีครับยังไงก็ต้องได้อย่างเสียอย่าง     วิธีที่เกลือบจะดีที่สุดคือ ใช้ตัว เรกูเลเตอร์ แบบ 1 เฟสที่สามารถจ่ายไฟสูงสุดได้ 4-6 A เปลี่ยนแทนของเดิม   แบตเตอรี่เปลี่ยนเป็นขนาด 12V 9Ah 10HR (10HR คือจ่ายกระแส 9 แอมป์ได้ 10 ชั่วโมง) สายไฟที่ต่อผ่านสวิตช์เปิด-ปิด เพิ่มขนาดเป็น 1.5 ตร.มม. 
   : วิธีนี้ใช้โปรเ็คเตอร์ 1 หลอดขนาดไม่เกิน 50-55W ครับ



 

ตัวคาร์บู ใส่หลอด ไฟหน้าหัวฉีด ต้องเปลี่ยนเรกูเรเตอร์  เเละเเบ๊ตเพิ่มเป็น9เเอมป์ใช่ไหมครับ

รบกวน ที นะ ครับ พอดี รถ ผม cbr ตัว เก่า  วันนั้นเป็น ช่วงสอบ ไปนอน หอเพื่อน 5 วัน   พอสตาด แบต หมด  สตาท ไม่ ติด  คือ อยากรู้ว่า  ดับเครื่อง แล้วจอดไว้หลายๆ วันควร ดึง ขั้วแบตออกไหม

ข้อ 2 นะครับ คือ รถผม ตอนไม่สตาท วัดได้ 12.8 V    สตาทก็วันได้ 12.8     แต่พอ เร่งเครื่อง ได้ ราวๆ 13 .5    อยาก จะรุ้ ว่า ตอน ผมไม่ลิด นี้มั l2ไม่ชาด เลยหรอ

รบกวนด้วยครับ l9 ;)

รบกวนถามหน่อยคับ
ผมใช้cbr150R. ใสซี นอล 2 ดวง + สัญญาณกัน
ปัญหาคือ ไฟไม่่พอ
พอ จะมีวิธี แก้ มี้ย

ใช้แผ่นชาร์ท N pro ใส่แทนครับ มัดไฟสามเฟสปั่นได้ 220W แต่เรกูเลเตอร์ปล่อยชาร์ทแบตแค่ 5 แอมป์

ของ N pro ใช้ไฟ DC ชาร์ทแบตโดยตรงครับ มีเรกูเลเตอร์คุมไฟไม่ให้เกิน 14 โวลต์ กันแบตโอเวอร์ขาร์ท

แต่ไม่คุมแอมป์ครับปั่นได้แค่ไหนก็ใช้ได้แค่นั้น ซึ่งอาศัยหลักการที่ธรรมชาติของ

แบตตะกั่วกรดกระแสจะไหลน้อยลงที่แรงดันสูงขึ้นจนหยุดที่ 14 โวลต์ครับ

แผ่นชาร์ตสามเฟสใช้กับแบบมัดไฟเฟสเดียวก็ได้แต่ต้องลอยกราวด์ของมัดไฟไม่ให้ลงตัวถัง ( ของเดิมใช้แบบฮาร์ฟเวฟเรคติไฟร์ )

เป็นระบบ ฟูลเวฟ ก็จะได้ไฟ DC มากขึ้น

ขอบคุณความรู้ดีๆ ครับ  >coooool
ผมอ่านแล้วถูกใจวิธีนึง
คือ ถ้าจะเปลี่ยนหลอดไปเป็นแบบที่ใช้ไฟมากกว่า ก็เปลี่ยนแบ็ตให้รับกันด้วย โดยที่ไม่ต้องทำสวิชตัดไฟ ปัญหาก็จะเกิดน้อยลง  l1
ว่าแต่ ใส่ไฟแรงๆ แล้วไม่ปิด ขี่นานๆ โคมจะละลายก่อนมั้ยครับเนี่ย ???

ผมขอถามเป็นความรู้เพิ่มนิดหน่อยครับ
ผมใช้ CBR150i มาเป็นระยะเวลา 2 ปี 3 เดือน แบตเดิมไม่มีอาการงอแงแม้แต่น้อย ไม่เคยยุ่งกับระบบไฟ ไม่มีสวิตช์เปิด-ปิดไฟหน้า แต่ปัจจุบันเพิ่งเปลี่ยนหลอดไฟหน้าเป็น 60/55W (ติดไฟเลี้ยว LED หน้า-หลัง, ติดไฟผ่าหมาก, ติดสัญญาณกันขโมย ซึ่งโหลดพวกนี้ไม่น่ามีผลกับระบบไฟมากเพราะไม่ใช่โหลดที่ใช้ตลอดเวลาอย่างไฟหน้า) และไม่มีสวิตช์เปิด-ปิดไฟหน้าเหมือนเดิม (ไม่คิดจะติดอยู่แล้ว) กรณีใช้แบตเดิมติดรถ 12V 5Ah เปลี่ยนหลอดไฟหน้าเป็น 60/55W  โหลดจะมากกว่าหลอดเดิม 20W ทำให้กระแสในวงจรที่เรคกูเรเตอร์ต้องจ่ายเพิ่มมากขึ้น 20/12=1.67A ดังนั้นกระแสที่ชาร์จเข้าแบตเตอรี่จะสูงขึ้นอีก 1.67A ซึ่งจะทำให้แบตเสื่อมเร็วขึ้นอย่างแน่นอน (ผมพร้อมจะเปลี่ยนแบตมาตั้งแต่ใช้ครบ1ปีแล้ว แต่มันไม่งอแงนี่นา) แต่ไม่ว่าอย่างไรผมไม่มีทางจะกลับไปใช้หลอดไฟวัตต์เท่าเดิมแน่ เพราะความสว่างของหลอด 60/55W นี้ประทับใจมากและไม่เกินสเป็คโคมด้วย ทีนี้ผมจะถามว่าหากใช้แบตที่มีขนาดความจุมากขึ้น (ผมมอง FB 12V 7Ah ไว้อยู่ครับ) จะเป็นการแก้ปัญหากระแสชาร์จเข้าที่เพิ่มขึ้น 1.67A นี้ได้อย่างไร หรือว่าขนาดแบตที่จุได้มากขึ้นทำให้กระแสเริ่มชาร์จสูงขึ้นตามไปด้วย และรองรับกระแสในการชาร์จได้สูงขึ้นด้วย ผมเข้าใจถูกไหม (ตอนนี้ผมมองภาพจากอะแดปเตอร์ของไอโฟนและไอแพดซึ่งเข้าใจว่าค่ากระแสและแรงดันที่แปลงออกมาคงที่ไม่แปรผันตามโหลด ไอโฟนต้องการกระแสในการชาร์จ 1A จึงจะเหมาะสม แต่ไอแพดต้องการกระแสในการชาร์จ 2A จึงจะเหมาะสม หากนำอะแดปเตอร์ของไอแพดไปชาร์จไอโฟนก็ได้ แบตเต็มเร็วขึ้น แต่แบตไอโฟนอาจเสื่อมเร็วขึ้นหรือบวม) ขอบคุณครับ

ถ้าเอาตัวต้านทานหรือ R มาต่อลงกราวด์ มันจะสูญเสียพลังงานโดยเปล่าประโยชน์ครับ ผมว่าต่อไฟหน้าใว้อย่างเดิมดีกว่ามีประโยชน์กว่ากันเยอะ ปลอดภัยด้วย ยังไงแบตมันก็เสื่อมอยู่ดี
กระแสที่จะชาร์จแบตแห้งจะใช้กระแสตำ่ครับต่ำกว่าแบตกรด ส่วนแบตกรด หรือแบตเติมน้ำ สามารถชาร์จได้ที่กระแสไม่เกิน10%ของความจุแบตครับ
แล้วที่ว่า ตัดไฟหน้าออกแล้วกระแสชาร์จลดลง มันก็ถูกต้องแล้วครับเพราะตัดภาระไปตั้ง35w แผ่นชาร์จไม่ต้องทำงานหนัก ชิวๆ

 <cry

ผมโพสไว้เพราะเป็นห่วงท่านที่มีสวิทช์ตัดไฟหน้าครับ โชคดีอาจจะแค่แบตฯเสื่อม ถ้าโชคร้ายเรกูเลเตอร์เดี้ยง !dead เป็นความรู้เล็กๆน้อยๆที่อยากแชร์ให้กันครับ

 >coooool >coooool >coooool

ถ้าไม่ใช้ power R      แต่ใช้ R กระเบื้อง 0 โอม  35 watt  ได้ไหมครับ     >@#%GD >@#%GD  l5  l4  l15

ความรู้ล่วนๆเลยครับ ขอบคุณมากครับ

ขอย้อนกลับมาที่ สัญญานกันโขมยอีกครั้งนะครับ จะเป็นไปได้ไหมที่ รถจะสตาร์ทติดเอง จากสัญญานกันโขมย
เพราะก่อนหน้านี้ติดสัญญานกันโขมย แต่ปรากฎว่าวันดีคืนดี รถติดเองซะงั้น วันนั้นถ้ายามไม่วิ่งมาบอก ไม่อยากจะคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้น >%REDD

หลังจากนั้นได้ไปแก้ไขตัดระบบสตาร์ท รีโหมต ออก แต่ถึงยังไงถ้าเรากดปุ่มสตาร์ท รีโหมด ไฟรถก็ติดอยู่ดี แต่รถไม่ติด

เดือนก่อน ขับรถไปที่ทำงานจอดเอาไว้ น้องที่ทำงานมาบอกว่าไฟหน้ารถผมติดให้ไปดูด้วย
ปรากฎว่าพอไปถึงรถ ไฟเหลือ 10.5 (ผมมีตัววัดแบต)  :fdwrt

ทั้ง 2 กรณีผมยืนยันว่าไม่ได้เผลอไปกดแน่นอน

ความรู้เข้มข้นมากครับ !goodjob

เเล้วเวลาผมไปซื้อ Power Resistor 35W ควรจะบอกกับคนขายยังไงบ้างครับ เพราะว่าผมเคยไปซื้อมาเเล้ว เขาถามว่ามันคืออะไร เป็นตัวยังไง เเล้วมันเป็นไดโอดเหรอ เบอร์ไหน กี่เเอมอะไรประมาณนี้อ่ะครับ
http://www.hungchuantek.com/product/en_Power%20resistor%20-%20TO22016.html
ที่อยู่ในรูปตามลิงค์ จะมี  TR20  5RF  C5013 เเล้วหรัสพวกนี้คืออะไรครับ เวลาเราไปซื้อ จะบอกเขาว่ารหัสอะไรดีครับ หรือเอารหัสอะไรก็ได้เเละกี่เเอมป์ก็ได้ ว่าเเต่ขอให้เป็น35w หรือต้องจำกัดว่าต้อง35w 3Aเท่านั้น