CBRsCLUB
 
ยินดีต้อนรับคุณ, บุคคลทั่วไป กรุณา เข้าสู่ระบบ หรือ ลงทะเบียน

เข้าสู่ระบบด้วยชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และระยะเวลาในเซสชั่น
 



หน้า: [1]   ลงล่าง
  พิมพ์  
ผู้เขียน หัวข้อ: เจ็บ เจ็บ เจ็บ และก็ บ่น บ่น บ่น  (อ่าน 898 ครั้ง)
0 สมาชิก และ 1 บุคคลทั่วไป กำลังดูหัวข้อนี้
skull
หักซ้าย หักขวา ไม่มีล้ม
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 169


อีเมล์
« เมื่อ: 06, กรกฎาคม 2013, 06:51:56 AM »

 เรื่องทั้งหมดเริ่มในวันที่ 5-7-56 ซึ่งเป็นวันตัวเลขดีดและเป็นวันที่ผมจะไปต่อใบขับขี่

โดยผมอยู่แถววัชรพล ผมจะไปขนส่งเขต 4 ที่หนองจอก ขับมาทุกอย่างมันก็เหมือนปกติจนเลยตลาดถนอมมิตรมา

จะเจอโค้งหักศอกตรง ทีวีไดเร็ก ก่อนถึงเสถียรธรรมฯ ถนนมันมี 4 ไป 2 มา 2 แล้วเลนนอกรถมันช้าผมเลยเข้าเลนใน

ด้วยความที่มันเป็นโค้งหักศอก 90 องศา ผมก็เลี้ยวโค้งแบบแทบจะทิ้งทั้งตัว ผลปรากฏว่า

ล้อหลังลื่นครับแล้วก็เกิดอาการสไลน์ สิ่งที่ผมจำได้จากมุมมองผมก็คือ ล้มก่อน แล้วตัวผมหลุดจากรถอีท่าไหนไม่รู้  (ไม่โดนรถทับขา)

แต่จำได้ว่ากำลังโดนรถมันลาก แล้วก็ได้ยินเสียงเครื่องมันเร่ง จึงเงยหน้าขึ้นไปปรากฏว่ามือขวาผมยังจับคันเร่งอยู่

พอรู้ตัวแล้วผมจึงปล่อยคันเร่ง แต่เนื่องจากแรงส่งจากรถที่ลากผมไปยังอยู่ ผมเลยยังได้กลิ้งกับพื้นไปอีก 1 ตลบ

แต่เนื่องด้วยกำลังตกใจและตื่นเต้นกับการได้กลิ้งและไถลอยู่กลางถนนเป็นครั้งแรก จึงลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วโดยแทบไม่รู้สึกอะไรเลย

แล้วมีพี่มอเตอร์ไซค์ฝั่งตรงข้ามตะโกนมาถามว่าเป็นอะไรรึเปล่าผมทำได้แค่ยกมือบอกว่าสบายดี (ยังพูดไม่ออก ยังมึนๆอยู่)

หลังจากโบกมือให้พี่มอเตอร์ไซค์แล้วผมก็ก้มลงไปมอง cbr ผม (นอนอยู่ข้างๆกันนั่นแหละ)

สิ่งที่ผมสังเกตุเห็นเป็นอย่างแรกเกี่ยวกับรถผมเลย คือ ผมเห็นของเหลวไหลกองอยู่บนพื้นบริเวณเครื่อง พอเห็นอย่างนั้นผมอุทานออกมาเลย

"ชิบ.....(สาบสูญ) แคร๊งแตก" ในใจคิดตอนนั้นว่าเรื่องใหญ่โคตรๆแล้ว คงขับต่อไม่ได้แล้ว แต่ตอนนั้นไม่มีเวลามากเพราะยังอยู่กลางถนน

จึงรีบยกรถตั้งขึ้นแล้วแล้วขึ้นคร่อมแล้วพยามยาหาเกียร์ว่างด้วยความลนลานในตอนนั้น แป๊บนึงจึงนึกได้กำคลัชก็ได้นี่หว่า

จึงกำคลัชแล้วเข็นเข้าข้างทาง พอเข้าข้างทางได้ จึงเริ่มตั้งสติและสำรวจสภาพความเสียหายของรถ

ตอนเข็นรถผมยังไม่รู้ความเสียหายโดยละเอียด แต่นึกในใจแล้วว่าคงจะหนัก แต่พอเข็นรถมาข้างทางเสร็จแล้ว

สติกลับมาแล้ว จึงเริ่มเตรวจสภาพ โดยสิ่งแรกที่ผมมองไปคือที่ตัวแคร๊งเครื่อง เพื่อดูว่าแตกขนาดไหน

แต่กลับไม่เห็นน้ำมันเครื่องไหลออกมา ก้มมองยังไง ก็ไม่เห็นรอยแตกที่แคร๊ง จึงมองไปที่หลังรถก็เห็นน้ำไหลออกมา

จึงได้รู้ว่าของเหลวที่อยู่บริเวณเครื่องเป็นน้ำยาหล่อเย็นจากหมอพักน้ำที่ไหลออกมาจากท่อระบาย (ทำซะตกใจเกือบตาย)

หลังจากรู้ที่มาที่ไปของน้ำแล้วก็กวาดสายตาไปในส่วนที่คิดว่าน่าจะเสียหายแน่นอนเวลาล้ม (เห็นในกระทู้อื่นเวลาล้มแล้วส่วนนี้มักไปด้วยค่อนข้างแน่นอน)

ส่วนนั้นก็คือ คันเปลี่ยนเกียร์ ก้มลองไปด้วยความเศร้า สิ่งที่เห็นอย่างแรกคือที่พักเท้ามันพับขึ้น (มันพับได้นะ เผื่อบางคนไม่รู้)

แล้วจึงมองไปที่เกียร์ แต่ก็สังเกตุ เอ๊ะ ทำไมมันดูเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยวะ เลยมองดีๆ ก็เหมือนเดิม ไม่หัก ไม่งอ

จึงลองเข้าเกียร์ดูว่าติดขัดอะไรรึเปล่า ก็เข้าได้ปกติ (ดีใจโคตรๆเลย) จึงลองพับพักเท้าขึ้นเหมือนเดิมจึงได้รู้เหตุผล

นั่นก็คือ ระยะของพักเท้าตอนพับมันยาวกว่าก้านเกียร์ เลยกันไว้ไม่ให้ก้านเกียร์มันโดนพื้นตอนล้ม

ต่อไปก็ไปเช็คพวกแฮน และ แผงคอ ว่าเบี้ยวรึเปล่า แต่ทุกอย่างก็ปกติ มีที่แตกต่างคือ ที่ตุ้มปลายแฮน และ ปลายก้านคลัช

มีรอยการขูดกับพื้น แต่ไม่เบี้ยว ไม่หัก พูดง่ายๆแทบไม่ได้รับความเสียหาย กระจกก็พับได้ ไม่เสียหาย

และก็มองไปที่แฟริ่งรอบๆคัน มีรอยอยู่ที่เดียวคือด้านข้างตรงขอบ ข้างๆไฟ (พึ่งทำสีเสร็จมานะนั่น ยังไม่ถึงเดือนเลย เล่นซะแล้ว)

ทีนี้พอสำรวจเสร็จความเสียภายนอกเสร็จ ก็ลองสตาร์ทเครื่องดู ปรากฏว่า สตาร์ทไม่ติด เหมือนน้ำมันหาย

ก็เลยลองกดแช่นานๆหน่อย กดอยู่ 4-5 รอบกว่าจะติด (เหมือนน้ำมันหายไปจากคาร์บูฯ) พอติดแล้วก็ไม่มีปัญหา

แล้วก็มองย้อนกลับไปในจุดที่ล้มก็เห็นเส้นขาวเป็นรอยขูดไปกับพื้นยาวประมาณ 5-6 เมตรได้ (เข้าใจว่าน่าจะมีคนไปได้ไกลกว่าผมนะ)

ยืนทำใจแบบมึนๆอยู่ซักพักก็ตัดสินใจไปทำใบขับขี่ต่อดีกว่าไหนๆก็ออกมาแล้ว


ขอย้อนกลับไปตอนตรวจรถหน่อยนะครับพอเข็นรถเข้าข้างทางได้สติเริ่มกลับมา ความรู้สึกก็เริ่มกลับมาด้วย

รู้สึกเจ็บที่เข่าซ้ายบางๆ  โดยระหว่างขับไปที่ขนส่งความรู้สึกก็เริ่มเจ็บขึ้นเรื่อยๆ (กางเกงยีนส์ไม่มีร่องรอยอะไรทั้งนั้น แต่ข้างในน่าจะหนัก)

ขับรถไปเจ็บไปไม่พอ เครื่องยนต์เริ่มรวนจากการล้มอีก (ความเจ็บปวดทางร่างกายนั้นเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับความเจ็บปวดทางใจที่เครื่องยนต์รวน)

อาการก็คือ กำครัชนานๆมากไม่ได้เครื่องจะดับกลางอากาศ บางทีขับๆอยู่ก็ดับกลางอากาศซะงั้น แต่ก็ยังฝืนขับไป

จนมาถึงส่วนที่โหดร้ายที่สุด คือเมื่อเข้าถนนสุวินทวงศ์ ทุกอย่างเหมือนความโหดร้ายทางจิตใจที่กระหนำเข้ามา

ย้อนกลับไปเมื่อคืน ผมลงไปตรวจเช็คระดับน้ำมันเครื่องเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับวิ่งความเร็วสูง รอบจัด และทางไกล เพราะผมแทบไม่เคยได้วิ่งในถนนโล่งๆเลย

เจอแต่นรกของรถติด ผมคาดหวังไว้ว่าถ้าได้วิ่งเส้นสุวินทวงศ์ ได้ใช้ความเร็วสูงแน่นอน แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อ

"ถนนมันกำลังสร้างอยู่ หลุมอุตกาบาทก็เพียบ รถเบียดเลนบ้าง" บวกกับ รถพึ่งล้มมาอีก สูญเสียความมั่นใจไปเยอะมาก

เท่านั้นยังไม่พอเครื่องก็ดันมารวนอีก และไปอยู่ในสถาณการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายอีก คือ

เครื่องมันไปดับกลางอากาศอยู่หน้า สิบล้อ โดยเป็นเส้นทางเบี่ยงไม่มีไหล่ทางหรือข้างทาง หรือก็คือ ไม่มีที่ให้หลบเลย

ต้องเข็นหลบไปอยู่ตรงขอบถนน ที่เกือบจะตกถนนอยู่แล้ว (ข้างทางกำลังสร้าง) พยายามสตาร์ทอยู่นานกว่าจะติด

จนผ่านสถาณการณ์เสี่ยงตายมาได้ และดันทุรังจนมาถึงขนส่ง จอดรถเสร็จ ลงจากรถล็อกรถเรียบร้อย

ความนี้เดินกระเผลกเลย เข่ามันเจ็บขึ้นเรื่อยๆ ก็ยังไม่รู้หรอกว่าแผลเป็นอย่างไรบ้าง เพราะมันอยู่ในกางเกง

พอเดินเอกสารเรียบร้อยก็เดินขึ้นบันไดด้วยความทรมาณไชั้น 4 พอได้นั่งเท่านั้นแหละ ถกขากางเกงขึ้นมาเลย

ปรากฏว่า เป็นแผลช้ำ แบบเลือดซึมๆ หนังชั้นนอกหายไปบางส่วน (ไม่รู้จะเรียกแผลอย่างนี้ยังไงดี แต่ระหว่างพิมพ์นี้น้ำเหลืองกำลังไไหลเลย)

และก็มีเรื่องบ่นเกี่ยวกับเครื่องมือทดสอบของขนส่ง มันจะเจ๊งแหล่ ไม่เจ๊งแหล่ แล้วก็มาบอกว่าใช้ได้ๆ บางคนเหยียบยังไงมันก็ไม่ทำงาน

แล้วก็มาบอกว่าไม่พร้อมไล่ให้ไปต่อแถวใหม่ (จริงๆแล้วเป็นที่เครื่องเอ็งนั่นแหละ)

แล้วก็ได้คุยกับพนักงานที่ทำบัตรเค้าก็บอว่าเคยมีคนคล้ายๆอย่างผมแต่หนักกว่า คือรถล้มเหมือนกันแต่เลือดอาบมาเลยแล้วก็มาต่อใบขับขี่

แสดงว่า เพื่อใบขับขี่ถ้าไม่ตายก็ต้องมาให้ได้


หลังจากเสร็จจากต่อใบขับขี่แล้วก็กลับมาที่รถ และก็มองดูรอบๆรถอีกทีก็เห็นอะไรแปลกๆที่หม้อน้ำนั่นก็คือ

ปลั๊กสายไฟของของตัววัดอุณหภูมิหม้อน้ำมันหลุด จึงจับใส่เข้าไปใหม่ แล้วก็ขับรถกลับ

รอบนี้ปรากฏว่ารถไม่ดับกลางอากาศอีกเลย (สายไฟวัดอุณหภูมิหลุดทำเครื่องดับได้เลยเรอะ น่ากลัวจริงๆ)

และเหมือนวิบากกรรมยังไม่จบ ขากลับ ฝนตก แล้วน้ำมันซึมเข้ากางเกงไปโดนแผลอีก โอ้....ชีวิต

หลังจากพักหลบฝนจนฝนเริ่มซา ก็เข้าไปทำธุระที่บ้านพ่อ ยังครับวิบากกรรมยังไม่จบครับ ซอยเข้าบ้าน

"น้ำท่วม" ตั้งแต่ทางเข้าหมู่บ้าน ยาว.....ยันไปถึงหน้าบ้านเลย

โอ้...วันนี้ช่างเป็นวันดีจริงๆ


สรุปเรื่องโดยรวมๆจากที่ผมมานั่งคิดย้อนหลัง

เหตุผลที่รถผมลื่นจนรถล้มนั้นนั้นมาจากความโง่ของผมเองครับ ที่รู้ก็รู้อยู่ว่ายางมันเริ่มจะเกาะไม่อยู่แล้ว ก็ยังดึงดันไปเข้าโค้งความเร็วสูงอีก

จนยางมันเกาะไม่อยู่แล้ว (หมดสภาพโดยแท้จริง)


รถผม cbr 150 ตัวคาร์บูนะครับ  และจากการล้มในครั้งนี้ทำให้ผมสังเกตุได้ว่า cbr มันออกแบบมาเพื่อรองรับการล้มด้วยรึเปล่าหว่า

เพราะล้มแล้วรถแทบไม่เป็นอะไรเลย

นี่ก็เป็นแค่เรื่องเล่าของผม ผู้ที่ขับมอเตอร์ไซค์ได้ครบปีพอดี แล้วก็ล้มครั้งแรกพอดี  ตรงกับวันเกิดพอดี เกือบโดนสิบล้อเหยียบพอดี


ขอโทษที่บ่นมากไปหน่อยนะครับ จริงๆมันก็แค่อยาจะเล่าให้ฟังกันบ้างน่ะครับ ถ้าพิมพ์ยาวไปก็ขออภัยด้วยนะครับ
บันทึกการเข้า

Zephiroth
แซงได้แต่อย่าปาดหน้า..!!
หักซ้าย หักขวา ไม่มีล้ม
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

กระทู้: 250



อีเมล์
« ตอบ #1 เมื่อ: 06, กรกฎาคม 2013, 08:34:20 AM »

ผมก็ขับตัวคาร์บูครับ จะว่าเค้าออกแบบมาเผื่อล้ม ก็คงใช่ ล้มนิดๆหน่อยๆ ก็พอถูไถ
แต่ที่ผมเจอ อย่างอื่นอยู่ดีให้พอขี่ไปซ่อมได้ แต่แฮนด์ผมหักนี่สิ - -" จบข่าว
บันทึกการเข้า

หมาเฝ้าบอร์ด
ครอบครัวมาก่อนเสมอ
CBR Moderator
*****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 8,594


นี้มันลูกลิงชัดๆ

819078776 thahnandorn@hotmail.com cbr150club.com cbr150club.com
เว็บไซต์ อีเมล์
« ตอบ #2 เมื่อ: 06, กรกฎาคม 2013, 12:25:18 PM »

ผมก็ขับตัวคาร์บูครับ จะว่าเค้าออกแบบมาเผื่อล้ม ก็คงใช่ ล้มนิดๆหน่อยๆ ก็พอถูไถ
แต่ที่ผมเจอ อย่างอื่นอยู่ดีให้พอขี่ไปซ่อมได้ แต่แฮนด์ผมหักนี่สิ - -" จบข่าว
แค่2บรรทัด แต่เงิบกว่าเยอะครับ :-\ :-\ :-\
บันทึกการเข้า

Dae289
อยากจะขับช้าๆ..แต่อารมณ์มันพาไป
หักซ้าย หักขวา ไม่มีล้ม
****
ออฟไลน์ ออฟไลน์

เพศ: ชาย
กระทู้: 170



« ตอบ #3 เมื่อ: 06, กรกฎาคม 2013, 02:58:48 PM »

ของผม 150i ชนท้ายแท็กซี่(ไม่แรง)ล้มแปะขวา  :-X
ยกรถขึ้นมามีรอยแค่การ์ดท่อกับตุ้มปลายแฮนด์แล้วก็พักเท้าขวานิดหน่อย แฟริ่งไม่แตะพื้นไม่มีรอยเลยครับ !hoehoe
บันทึกการเข้า

หน้า: [1]   ขึ้นบน
  พิมพ์  
 
กระโดดไป:  



หน้านี้ถูกสร้างขึ้นภายในเวลา 0.036 วินาที กับ 24 คำสั่ง