ป่าผาดำ มีทำเลที่ตั้งในอดีตที่กว้างใหญ่ สมบูรณ์ไปด้วยพันธุ์พืชและสัตว์ป่านานาชนิด มีพื้นที่ตั้งแต่เขารูปช้าง อำเภอสะเดา ไปจนถึงบ้านวังผา ตำบลทุ่งตำเสา อำเภอหาดใหญ่ มีน้ำตกผาดำซึ่งอยู่ในเขตอำเภอคลองหอยโข่ง จังหวัดสงขลา ใกล้กับน้ำตกโตนงาช้าง แต่ต้องเดินด้วยเท้าลึกเข้าไปอีก เป็นป่าต้นน้ำที่อุดมสมบูรณ์และเป็นต้นกำเนิดของสายน้ำหลายสายที่ไหลลงคลอง อู่ตะเภา เช่น คลองบาโรย ที่ไหลลงคลองอู่ตะเภาบริเวณบ้านทุ่งลุง , คลองจำไหรซึ่งไหลผ่านอำเภอคลองหอยโข่ง , คลองต่ำซึ่งไหลผ่านวังผาและลงคลองอู่ตะเภาที่ควนลัง
ป่าผาดำที่อุดมสมบูรณ์ ในขณะนี้ถูกทำลายไปแล้วกว่า 60% ปัญหาการบุกรุกทำลายป่าผาดำมี 4 ประการใหญ่ๆ คือ
1. ธุรกิจไม้เถื่อน
2. การรุกป่าทำพื้นที่ทำกิน
3. ลักของป่า
4. ธุรกิจเชิงท่องเที่ยว
ปัญหาธุรกิจการทำไม้เถื่อน ปัจจุบันยังมีการทำมาตลอด ยังตัดกันอย่างต่อเนื่องไม่หยุด คำนวณแล้วประมาณ 500 ต้น/ปี ต่อ1ราย (คิดเฉพาะไม้ใหญ่ที่ขายได้เท่านั้น ไม่ได้รวมถึงไม้เล็กที่ต้องถางออกเพื่อเปิดทางเข้าไป และไม้อื่นๆที่ไม่มีค่าทางเศรษฐกิจ) ซึ่งพบไม้"หลุมพอ"ใหญ่มากต้องตัดซีกก่อน จึงใช้ช้างลากมา แล้วใช้รถบรรทุกขนลงมาตามจุดต่างๆ
องค์ประกอบที่เกี่ยวข้อง กับธุรกิจการทำไม้เถื่อนมีดังนี้
1. คนในพื้นที่ ทำการรับจ้างตัดไม้ ขาย โค่น เลื่อย ตัด และชักลากโดยช้าง
2. เจ้าหน้าที่ของรัฐ มีหน่วยอนุรักษ์ป่าอยู่ข้างใน มีการทำเป็นสวนป่าสิริกิต แต่ก็ปล่อยปละละเลยการจับกุม แต่ก็มีบ้างที่เข้าไปจับ เมื่อถูกจับจะเสียค่าปรับเพียงครั้งละ 2,000 บาท คนตัดไม้ในพื้นที่ยังมีแนวทางในการเอาอกเอาใจเจ้าหน้าที่รัฐ โดยการเอื้ออำนวยประโยชน์ให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อจะได้ความสะดวกในการตัดไม้ เช่นตัดไม้มาสร้างโรงครัว สถานีตำรวจ สร้างวัด และโรงธรรม เป็นต้น โดยเอาไม้เถื่อนมาสร้างให้ เพื่อปิดปากเจ้าหน้าที่รัฐ ทำให้กระบวนการจับกุมผ่อนคลาย การตัดไม้จึงใหญ่โตและสะดวกขึ้น
3. ผู้ซื้อผู้บริโภค ที่ต้องการนำไปสร้างบ้าน โดยการติดต่อซื้อจากนายหน้าหรือชาวบ้านที่มีอิทธิพล
4. .ธุรกิจโลงศพของคนจีน เป็นอีกธุรกิจหนึ่งที่มีความต้องการไม้เนื้อดีที่มีขนาดใหญ่ เพื่อตอบสนองความเชื่อ และวัฒนธรรมของคนจีน ที่มักมีฐานะดีและสามารถซื้อโลงศพในราคาแพงได้
ปัญหาการรุกป่าที่ทำกิน เนื่องจากข้างบนของน้ำตกจะเป็นพื้นที่ราบ จึงมีการทำสวนยาง และสวนผลไม้ เช่น ลองกอง เนื่องจากแนวทางกระแสหลักของการทำสวนยาง ต้องถางป่าออกหมด ปลูกยางเป็นพืชเชิงเดี่ยว จึงพบปัญหาน้ำเสียจากการทำสวนยางไม่ว่าสารเคมีที่ใช้ และยาปราบศัตรูพืชต่างๆ เป็นต้น องค์ประกอบที่เกี่ยวข้องกับการบุกรุกป่าผาดำ มีดังนี้
1. คนต่างถิ่นที่อพยพเข้ามา ซึ่งมีทั้งที่เป็นคนที่จนจริงๆต้องการที่ดินทำกิน และคนรวยซึ่งซื้อที่ดินไว้แล้วให้ลูกจ้างเข้าไปทำการเกษตรและพักอาศัย
2. วิธีการที่ใช้ในการบุกรุกป่านั้น มีทั้งการโค่นป่าด้วยเลื่อยยนต์ การแผ้วถาง การเผา รวมทั้งมีการบากไม้โดยรอบที่ลำต้น แล้วทายาฆ่าปล่อยไว้ให้ต้นไม้ตาย แล้วจึงไปตัดฟัน
3. เจ้าหน้าที่รัฐ ไม่สกัด ไม่ห้าม มีเพียงการจับบ้างเป็นบางครั้งเพื่อให้มีผลงานบ้างตามหน้าที่
4. ขบวนการนายหน้าซึ่งจะเข้ามาปั่นราคาที่ดินในเขตสงวนนี้ให้สูงขึ้น นำไปบอกขายแก่ผู้ที่มีเงิน และขายที่ดินที่แผ้วถางแล้วแก่นายทุน การขายที่ดินในเขตสงวนที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ได้ราคาดี ทำให้เกิดวงจรอุบาทว์ ที่จูงใจให้มีการแผ้วถางบุกรุกป่ามากขึ้น
ปัญหาการลักลอบหาและค้าของป่า มีทั้งการลักลอบหาและขายพันธ์ไม้หายาก ได้แก่รองเท้านารี และกล้วยไม้ต่างๆ ซึ่งขณะนี้ที่น้ำตกผาดำไม่พบเห็นแล้ว สัตว์น้ำในบริเวณน้ำตกและคลองสาขาก็มีการใช้ระเบิดในการจับ ส่วนสัตว์บก เช่น ลิง ค่าง นกเงือก มีการล่าสัตว์อยู่เช่นกัน ทำให้ปัจจุบันหาสัตว์ป่าหายากได้ยากมาก เว้นแต่ในตอนบนๆที่ยังพอมีบ้าง
ปัญหาการทำธุรกิจเชิงท่องเที่ยว ปรากฏการณ์ที่พบเห็นก็คือ การที่องค์กรท้องถิ่นต่างๆ เช่น ส.จ., อ.บ.ต. ทำถนนเข้าไปในป่า และบริเวณน้ำตก เพื่อให้การท่องเที่ยวสะดวกสบาย ได้มีการของบประมาณไป 100 ล้านบาท แต่ได้มา 19 ล้านบาท หากได้มาครบป่าคงหมดไปอีกมาก รวมทั้งมีการสร้างและขยายถนนในบริเวณป่าสงวนที่ถูกบุกรุก ทำให้ราคาที่ดินสูงขึ้นตามไปด้วย และการตัดไม้ทำลายป่าก็สะดวกขึ้น ซึ่งไม่เป็นการท่องเที่ยวในเชิงอนุรักษ์ เป็นการมองมิติที่ไม่รอบด้าน ในที่สุดป่าผาดำอาจไม่มีให้เห็นอีกต่อไป
ขณะนี้ได้มีการเริ่มตื่นตัวขึ้นในผลกระทบของการบุกรุกทำลายป่าน้ำตกผาดำ ซึ่งมีการตัดไม้มาเป็นเวลากว่า 20 ปีแล้ว จึงเกิดการจัดตั้งเป็นกลุ่มประชาคมรักษ์ป่าขึ้น ซึ่งกิจกรรมหลักที่ทำคือ การช่วยกันสอดส่องดูแลพื้นที่ หากทราบข่าวการตัดไม้ก็จะรีบเข้าไปดู เมื่อเจอก็จะแจ้งเจ้าหน้าที่มาจับ
องค์ประกอบของประชาคมรักษ์ป่ามีดังนี้คือ ข้าราชการ-พันธุ์แท้ ซื่อตรงต่อหน้าที่ , ชุมชนในพื้นที่ , สหาย ได้แก่ผู้ที่หลบหนีเข้าป่าผาดำไปเมื่อเกิดเหตุการณ์14 ตุลา แล้วกลับออกมา , คนเมือง ได้แก่นักวิชาการ, NGO, และกลุ่มอื่นๆที่สู้เรื่องน้ำ-เรื่องทะเล ซึ่งขณะนี้กำลังต้องการส่วนนี้มาก แนวทางแก้ไขปัญหาที่สำคัญคือ การทำไม้เถื่อน และลักขโมยของป่า ต้องเลิกทันที , การทำธุรกิจท่องเที่ยวต้องใช้ความคิดในเชิงบวกที่จะทำให้อนุรักษ์ป่าเอาไว้ ได้ และ การบุกรุกป่าทำที่ทำกิน ต้องหยุดทันที แล้วแยกคนจนกับคนรวยออก และหาทางออกให้กับคนจนที่ไม่มีที่ดินทำกิน ทั้งหมดนี้ต้องอาศัยความร่วมมือที่จริงจังของทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ , ประชาชนในพื้นที่ และประชาคมรักษ์ป่าที่คอยสนับสนุน
นำเสวนาโดย คุณศิริพล สัจจาพันธุ์ ประชาคมรักษ์ป่าต้นน้ำผาดำ
http://www.oknation.net/blog/bangbai/2009/03/08/entry-1ลิ้งเกี่ยวกับกิจกรรมที่กลุ่มอื่นๆไปทำมาครับ
ข้างบนเป็นความเป็นมาของกลุ่ม ประชาคมรักษ์ป่าต้นน้ำผาดำ ผมหารายระเอียดที่มีในเวปมาได้เท่านี้ เราจะไปทำความดีเพื่อสังคมกันครับ รายละเอียดคร่าวๆต้นไม้ทางเจ้าหน้าที่มีให้ครับ จะนอนค้างคืนก็มีเขื่อนมีที่กางเต็น ทำอาหารใครชอบตกปลาก็ลงเขื่อนเลย ค่าใช้จ่ายก็มีค่าน้ำมันกะกินเท่านั้น
รายละเอียดหลักๆต้องรอหลวงปาล์มมาบอกอีกที เอามายั่วก่อน l11 l13 เพื่อนคนไหนสนใจรักธรรมชาติมาเลย
ข้อมูลจากhttp://www.oknation.net
รบกันไม่ต้องมา รักป่ามาได้เลย l13