วิตามินซีมีสรรพคุณหลัก 2 ประการคือ
1. ป้องกันโรคหวัด คือช่วยเพิ่มภูมิต้านทานให้กับร่างกายครับ
2. ป้องกันโรคเลือดออกตามไรฟัน
แต่ในปัจจุบันมีการค้นพบถึงคุณสมบัติการเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ และในปัจจุบันได้รับความสนใจกันมากเนื่องจากมีการอ้างอิงอย่างมากว่าการรับ ประทานวิตามินซีในปริมาณสูงๆ คือ 500 ถึง 2000 มิลลิกรัม สามารถช่วยแก้ไขหรือป้องกันปัญหาต่างๆเช่น ความหมองคล้ำของผิวพรรณ มะเร็งต่างๆ ริ้วรอยก่อนวัย(เนื่องจากมันช่วยในการสังเคราะห์คอลลาเจน ซึ่งเป็นโครงสร้างของผิวหนัง) แต่ก็ยังไม่มีการยืนยันทางการแพทย์ว่าสามารถทำได้จิงๆ....คือไม่เหมือนยาที่ กินแล้วหาย....ดังนั้นทางการแพทย์จึงกำหนดให้ไวตามินซี 60 mg จัดเป็นยา เนื่องจากช่วยในการป้องกันโรค 2 ข้อนั้นได้จริง แต่ถ้ามากกว่านี้จัดเปผ็นอาหารเสริมครับโดยการบริโภคขึ้นอยู่กับดุลพินิจของ ผู้บริโภคหรือนักโภชนาการ
ในเรื่องของอันตรายนั้นมีค่อนข้างน้องเนื่องจากมันสามารถละลายได้ในน้ำจึง ถูกขับอออกมากับปัสสาวะ แต่ก็อาจมีปัญญหาสำหรับผู้ที่บริโภคน้ำน้อยแบริโภคในปริมาณสูงมากๆอาจทำให้ มีการตกตะกอนในไต(แต่โอกาสเป็นไปได้น้อยคับ ไม่ต้องซีเรียส) อิกอันก็คือการรับประทานในปริมาณสูง เช่น 2000 mg ต่อวันอาจทำให้ท้องเสียได้เนื่องจากทำให้ภายในลำไส้เป็นกรดสูงเกืนไป ถ้าจาให้ดีควรแบ่งรับประทานทั้ง 3 มื้อครับ เพื่อให้ปริมาณทั้งวันคงที่จาได้มีประสิทธิภาพสูงกว่าทานรวดเดียวหมด แต่กรณีของคุณนี่แค่ 1000 คงม่มีปัญหาอาไร ก็แบ่งเป็น เช้า เย็น หลังอาหาร เพื่อป้องกันการระคายเคืองกระเพาะครับ
สุดท้ายนี้วิตามินซีสังเคราะห็อย่างเดียวไม่สามารดออกฤทธิ์และดูดซึมได้ดี เนื่องจากไม่มี ไบโอฟลาโวนอยด์ ซึ่งพบในผักผลไม้ ดังนั้นการรับประทานผลไม้ที่มีปริมาณวิตามินซีสูง เช่น ฝรั่ง ส้ม มะขามป้อม น่าจาเป็นทางอออกที่ดีสุดแต่ถ้าอยากทานจิงๆก็ควารเลือกพวกที่เขาผสมไบโอ ฟลาโวนอยด์ไปด้วย หรือกินผักผลไม้ปกติด่วยก็จาดีคับ อ่อแล้วก็ต้องเป็นผักผลไม้สดนาคับ เพราะวิตามินซีจาสลายตัวเมื่อโดนความร้อนนา
ขอให้สุขภาพดีถ้วนหน้านา.......
http://www.vcharkarn.com/include/vcafe/showkratoo.php?Pid=38608 8)