เริ่มต้นจากการลดความฝืดทุกอย่างให้ลื่นเริ่มต้นจากล้อหลัง ซีลเป็นตัวฝืดพอสมควรเลยทีเดียวหลังจากนั้นก็ลองดูทีสเปเซอร์ให้พอดีให้ชนิดหมุนคล่องไม่ฝืด การขันล้อก็มีผลกับความฝืดของล้ออีกเช่นกัน ขันให้พอดีแล้วใส่คลิ๊ป
ล็อคจะดีกว่าการขันสุดแรงเกิดขาดคามือดีกว่าขี่แล้วหลุด ตามตำหรับช่างทีมแข่งบางทีมทำกัน หลังจากนั้นมาดูที่โซ่ ควรจะเป็นชนิดโลว์ฟิคชั่น หรือความฝืดน้อย เช่นโซทองอาร์เค(ดีไอดี)415 อันนี้ดีมากทีเดียว ส่วนล้อควรเลือกชนิดน้ำหนักเบา ส่วน
ของเบรคหน้าแนะนำเบรคแบบ
โฟรทติ่งเพื่อลดความฝืด
ต่อไปมาถึงเครื่องยนต์ ตอนนี้มีผู้ผลิตบางแบรนผลิตลูกสูบวัสดุพิเศษ เพื่อลดความฝืดมาใช้กันแล้วเช่นฮ้อนด้าอาร์เอส125/250ในตัวคิตบีและคิตเอ เขาว่าทำให้รอบสูงลื่น ชนิดคู่แข่งหนีไม่ออกและถ้าแซง อย่าหวังว่าจะได้เอาคืนเลยที่เดียว ลูกสูบตัวนี้
สามารถนำมาใช้กับรถบ้านเราได้หลายรุ่น แต่ถ้า หาไม่ได้ก็ลูกเดิมนี่แหละ ดีที่สุด ในส่วนของลูกปืนข้อเหวี่ยงก็ให้ใช้ลูกปืนรอบสูง(รางไฟเบอร์) แถวสะพานควายมีขายหลายร้าน ชามครัชและเกียร์ควรโมดิไฟ เป็นแบบลูกปืนเข็มหรือลูกปืนกรงนก แล้วแต่จะ
เรียก คำเตือน ผู้ที่นิยมขับรถเสียงเงียบๆไม่แนะนำเพราะการโมแบบนี้จะทำให้เครื่องยนต์ของคุณเสียงดังปานจะพังเลยเชียวแหละ
ต่อมาเข้าเรื่องการโมเสื้อ ทำอย่างไรให้รถวิ่งได้เร็ว ก็ต้องคงมาถึงเรื่องโมพอร์ทเริ่มจากไอเสียค่าจำกัดแบบคำนวนให้เสร็จรถพิกัด125ซีซี แรงม้าสูงสุดอยู่เกินหมื่นหนึ่งพันรอบ มีค่าจำกัดของพื้นที่หน้าตัดพอร์ทอยู่ที่ 14.5 ตารางเซ็นติ
เมตร แต่โดยปกติใน
รถบ้านเราไม่สามารถขยายและยกพอร์ทได้มากขาดนั้นเนื่องจาก
1.พื้นที่มากขนาดนั้นแหวนจะตกพอร์ทหักถ้าใช้พอร์ทเพียงพอร์ทเดียว
2.สำหรับยามาฮ่าถ้าคุณขยายเกิน 42 มิล พอร์ทจะรั่วเพราะบากด้านข้างของลูกสูบ
3.ทุกรุ่นถ้ายกเหลือน้อยกว่า 24 มิล เครื่องจะมีแต่รอบไม่มีแรง
มีอยู่วิธี 2 ครับทีจะทำได้
1.ทำพอร์ไอเสียเป็น2พอร์ทกว้าง33มิลยกเหลือ26มิล2พอร์ทแกนกลาง2.5มิล ด้วยการตีปลอกใหม่แล้วให้ช่างทำตามนั้น
2.เจาะพอร์ทที่2และ3เพิ่มเหมือนคาจิว่าและทีแซดเอ็ม
ลบขอบและมุมให้เรียบร้อย ส่วนพอร์ทไอดี ให้ขยายด้านข้างตามแต่จะขยายได้ ในส่วนของความสูงของพอร์ทไม่ควรเกิน 40 มิล สำหรับ เครื่องยนต์ ระยะชัก52มิล และไม่เกิน 41 มิล สำหรับเครื่องยนต์ ระยะชัก 54 มิล ข้อควรระวังคือ ควรรักษาทางเดิน
ไอดีดังนี้
1.สองพอร์ทข้างพอร์ทไอเสีย พ่นไอดีไปตรงข้ามเยื้องขึ้นข้างบนเล็กน้อย
2.พอร์ทไอดีตัวเล็กตรงข้ามพอร์ทไอเสียยิงตรงไปที่โดมฝาสูบหรือหัวเทียน
3.พอร์ทไอดีตรงข้างพอร์ทไอดีตัวเล็กยิงตรงไปที่พอร์ทไอเสีย แต่ไม่นิยมขยายเพราะจะทำให้ไอดีไหลออกไปกับไอเสียมาก แรงม้าลด
ท่อไอเสียหลักการคร่าวๆ คือ เมื่อลูกสูบเลื่อนตัวลงจากการจุดระเบิด พอร์ทไอเสียเริ่มเปิดไอเสียแรงดันสูงจะไหลออกทางท่ออย่างรวดเร็วทำให้เกิดเวฟลบ หรือสูญญากาศ ในคอท่อท่อนแรก เมื่อเลื่อนตัวลงอีกพอร์ทไอดีเปิดไอดีซึ่งมีแรงดันอยู่แล้วจากการอัดในห้องข้อ
เหวียงใต้ลูกสูบ จะพุ่งออกมาไล่ไอเสียที่ค้างอยู่ให้ออกไป เมื่อลูกสูบเลื่อนลงมาจนถึงศูนย์ตายล่าง ไอดีก็จะหมดแรงดัน และลูกสูบก็จะค่อยๆเลื่อนขึ้น ตรงนี้เองที่ท่อไอเสียท่อนแรกจะมีผลในการดูดไอดีออกจากห้องข้อเหวียง แทนที่จะถูกดูดกลับย้อนกลับเข้า
ไปในห้องข้อเหวียงอีก และเมื่อพอร์ทไอดีปิด ท่อในส่วนท้าย(ที่เป็นรูปทรงกรวย)จะทำให้เกิดเวฟย้อนกลับ ดันไอดีส่วนทีไหลตามออกมาให้ย้อนกลับเข้าไปในห้องเผาใหม้ใหม่ นี่คือหลักการทำงานเบื้องต้นของท่อไอเสีย 2 จังหวะ และสำหรับผู้รู้ทีต้องการ
ออกแบบท่อไอเสียโดยการคำนวนเอง ความเร็วของเวฟที่ใช้ในการคำนวนคือ 510เมตรต่อวินาที ในส่วนของผู้ที่ไม่ชอบคำนวน ค่าสำเร็จรูปอยู่ที่ 72 เซนติเมตร จากปากพอร์ทไอเสียถึง 3/4ของกรวยหลัง ของเครื่องยนต์ขนาด125-150 ซีซี และสูตร
สำเร็จวิธีปรับคือ
1. ถ้ารถคุณเป็นรถทางตรง แนะนำเส้นผ่าศูนย์กลางของท่อท่อนกลาง120เซนติเมตรคอท่อ40เซนติเมตร
2. ถ้าเป็นรถเซอร์กิต แนะนำเส้นผ่าศูนย์กลางของท่อท่อนกลาง100ซม. คอท่อ30-35ซม. และถ้ารถขี่ยากต้องเลี้ยงรอบให้ปรับความยาวเพิ่ม1-2 ซม.
3. ถ้าเป็นรถขี่ใช้งานด้วย ควรใช้เส้นผ่าศูนย์กลางของท่อท่อนกลางไม่เกิน100ซม.และความยาวเพิ่ม3-5ซม.
ฝาสูบ
ใช้อัตราส่วนกำลังอัด 9.5:1-10.5:1
1. 9.5:1 เหมาะสำหรับรถที่ต้องวิ่งทางยาว ความร้อนฝาสูบไม่มาก หัวเทียน B9EGV สำหรับระบายความร้อนห้องเผาไหม้ น้ำมันเชื้อเพลิง ออกเทนมากกว่า95
2. 10.0:1 เหมาะสำหรับรถเซอร์กิต ใช้น้ำมันออกเทนมากกว่า100
3. มากว่า10.5:1 เหมาะสำหรับทางสั้นๆเช่น 200-1,000เมตร ใช้น้ำมันออกเทนมากกว่า110 หัวเทียนควรใช้ B105จะดีทีสุด
รูปร่างฝาสูบ อย่าถามว่าทำไม อันนี้ต้องอธิบายยาว แต่สูตรสำเร็จ คือเป็นรูปกรวย ไม่ต้องใช้วอมพ์อัพแอเรีย หรือส่วนโค้งในโดมเพราะออกเทนมีอัตราขยายตัวเร็วพอ คือใช้กรวยตรงๆนั้นแหละ ( ผมเคยแอบไปดูฝาสูบของทีมแข่งหลายๆทีมยังใช้กันอยู่แถม
ยังฟอร์มทำแอบไม่ให้ดูผมเลยไม่กล้าแนะนำ ความจริงก็คือถ้าคุณใช้ วอมพ์อัพแอเรีย ขบวนการการเผาใหม้จะจบก่อนลูกสูบเลื่อนลงสุดเสียอีก อันนี้สำหรับออกเทน อัพแก๊ส และแอลแอล ครับ ส่วนน้ำมันเบนซินยังต้องใช้ ) ขอบด้านข้างหรือ สควิช แบนกว้าง
8 มม. จากขอบลูกสูบถึงสควิชที่ฝาสูบห่าง0.2-0.3 มม. จากหัวลูกสูบถึงหัวเทียนไม่ควรต่ำกว่า 15มม.เพราะจะทำให้หัวลูกสูบร้อนเกินไป
รีดวาล์วและคาร์บูเรเตอร์
รีดวาล์วควรเป็นชนิดไฮเทนชั่น(ค่าความเป็นสปริง)และความไวสูง วัสดุคาร์บอนและไฟเบอร์จะเหมาะมาก ช่องของรีดยิ่งมากจะยิ่งดี รีดจะได้ไม่กระพือมากในรอบสูง
คาร์บูเรตอร์
จะใช้ขนาดไหน ตามใจครับ จูนให้อยู่แล้วกัน แต่ไม่ควรเกิน34มม.เพราะจะจูนยาก เพราะโดยปกติคาร์บูยิ่งใหญ่เมื่อเปิดคันเร่งเกิน3/4 น้ำมันจะบางมาก จึงต้องออกแบบเจ็ทตัวที่ 3 และเจ็ทไฟฟ้ามาแก้ ดังนั้นคาร์บู39มม.รุ่นใหม่ๆอย่าไปฝันเลยครับเพราะ
เราไม่มีซอฟแวร์ที่จะไปเซ็ทระบบเจ็ทจ่ายน้ำมันรอบสูง (การทำงานคลายหัวฉีด)
เกียร์
วิธีการไล่เกียร์
สูตร รอบสูงสุดทีใช้ (ส่วนมากใช้12,000รอบ) หาร อัตรทดขั้นต้น หาร อัตราทดเกียร หาร อัตราทดขั้นสุดท้าย คูณเส้นรอบวงล้อ(ค่าเป็นเมตร) หารพัน คูณ60 คุณจะได้ความเร็วสูงสุดในเกียร์ ต่อไปหารความเร็วเกียรต่อไป แล้วก็ลากกราฟดังรูป
อธิบาย
สีแดงคือเกียร์รถสแตนดาร์ด G1หมายถึงเกียร์1 #1หมายถึงสเป็คที่1 ด้านซ้ายคือความเร็ว ด้านล่างคือรอบ
วิธีไล่คือ ลองดูเส้นสีมวงเกียร1รอบสูงสุดที่ใช้ในการเปลี่ยนเกียร์ คือ12000รอบได้ความเร็วประมาณ 55 กม.ต่อชั่วโมง เมื่อเปลี่ยนเกียร์เป็นเกียร์2 เส้นสีเขียวโดยเอาไม้บรรทัดทาบเลย รอบจะตกลงมาอยู่ที่8000รอบอันนี้ไม่ดีแน่ถ้ารอบการทำงาน(พาวเวอร์
แบน)คุณอยู่เกินหมื่นรอบ โดยเกียร์ที่มีผลมากทีสุดต่อการไต่ความเร็วคือ เกียร์1 และเกียร์4-5-6 เพราะเกียร์2-3 ยังมีรอบช่วยฉุด ส่วน4-5-6 กำลังล้วนๆครับ ท่าทดไม่ดีรถจะวิ่งไม่สุดครับ
ต่อไปก็ตัวถัง
เอาให้เบาที่สุด แต่นึกถึงความแข็งแรงด้วยนะครับ
ไฟจุดระเบิด
สำหรับทางตรง ไฟจุดระเบิด จะอ่อนแล้วค่อยๆแก่ขึ้นโดยเริมต้นที่14 -18 องศาเพื่อการไต่รอบที่ดี จนไฟแก่สุดที่แรงบิดสูงสุดและค่อยๆอ่อนลงเพื่อให้รอบไต่ขึ้นไปยังรอบสูงสุด(โอเวอร์สปีด)ได้ง่ายไม่ต้านรอบ
ในส่วนของรถวิบากไฟจุดระเบิดจะแก่ที่สุดที่รอบปานกลาง เพื่อกำลังที่ดีและพาวเวอร์แบนกว้างขี่ง่าย ทีมแข่งบางทีมนิยมเอาไฟจุดระเบิดแบบนี้มาใช้ในสนามสั้นๆเช่นไทยแลนด์เซอร์กิต เพราะจะช่วยให้รถขี่ง่าย ออกโค้งง่าย ได้เป็นอย่างดีแต่รอบสูงสุดจะ
ไม่มากส่วนมากไม่เกิน12000รอบ
พิจารณาตามรูปแล้วกันครับ
ขอบคุณ http://www.sjspeed.com !goodjob !goodjob