>> เอามาแชร์ให้เพื่อนรู้เท่าทัน กม.จร.

เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ห้องประชุมปารุสกวัน 2 กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รอง ผบช.น. ดูแลงานจราจร พล.ต.ต.มานิต วงศ์สมบูรณ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.อุทัยวรรณ แก้วสอาด ผู้บังคับการตำรวจจราจร (ผบก.จร.) รอง ผบก.จร. และรอง ผบก.น.1-9 ดูแลงานจราจร ร่วมประชุมงานจราจร บช.น. โดยใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง

จากนั้น พล.ต.ต.วรศักดิ์เปิดเผยว่า เรื่องที่มีการประชุมมีหลายเรื่อง คือ 1.การงดตั้งจุด ว.43 กวดขันวินัยจราจร หรือการงดด่านในช่วงเวลากลางวัน แต่หากมีงานของฝ่าย ป. ก็ให้ไปร่วมกับฝ่าย ป. โดยให้ตั้งในช่วงเวลากลางคืนหลังเวลา 21.00 น. เน้นในเรื่องเมาแล้วขับ และ 12 ข้อหา รวมถึงอาชญากรรม นอกจากนี้ในถนนเส้นเดียวกันตั้งซ้ำซ้อนไม่ได้ หากรถติดให้ปล่อยเป็นช่วงๆ หากติดแล้วต้องปล่อย ที่สำคัญคือ ห้ามมีการตีไก่หรือทุจริตอย่างเด็ดขาด อย่างไรก็ตาม ความผิดทั่วไปเฉพาะเหตุซึ่งหน้าสามารถจับได้ แต่จะไม่มีการซุ่มจับใดๆทั้งสิ้น

พล.ต.ต.วรศักดิ์กล่าวต่อว่า 2.การใช้ “ใบเตือน”แทน”ใบสั่ง” โดยได้แจ้งให้ทุก สน.เข้าใจแล้วว่า ต่อไปนี้ยกเว้น 12 ข้อหาหลัก จะมีการออกใบเตือน โดยเมื่ออกใบเตือนแล้ว บก.จร. จะเก็บข้อมูลผู้ที่ออกใบเตือนไปก่อนหน้านี้ โดยหากพบว่ากระทำผิดซ้ำในข้อหาเดิมอีกจะมีการปรับหนักเต็มอัตรา โดยใบเตือนอยู่ระหว่างสั่งพิมพ์ โดยได้เมื่อใดใช้เมื่อนั้น ซึ่งจะอยู่นอกเหนือจาก 12 ข้อหาหลัก 3.นโยบายเรื่องทะเบียนรถป้ายแดง ได้สั่งการให้ชะลอโดยการว่ากล่าวตักเตือน และให้แนะนำการปฏิบัติ เนื่องจากกรมการขนส่งยังไม่พร้อมในส่วนนี้

“4.การใช้กล้องบันทึกภาพวีดีโอ ในการกวดขันวินัยจราจร (กล้องปากกา,กล้องกระดุม) ซึ่งให้แต่ละ สน.ไปอบรมอาสาสมัคร โดยทาง บก.จร. จะอบรมให้ทั้งหมด จากนั้นจะสร้างเว็บไซต์มา เพื่อรองรับในส่วนนี้ เมื่ออาสาสมัครไปพบผู้กระทำความผิด ก็จะถ่ายเป็นภาพมาฟ้อง ซึ่งพวกนี้ก็ต้องพร้อมเป้นพยานในศาลด้วย เมื่อถ่ายภาพเสร็จก็จะเก็บไว้เพื่อนำไปใช้แจ้งความผิดไปยังเจ้าของรถทะเบียนนั้นๆ โดยผู้ที่ถ่ายภาพมาแล้วนั้นหากเจ้าของรถไม่ยินยอมหรือต่อสู้ก็ต้องต่อสู้ในศาล แต่หากยอมรับ ยินยอมก็เสียค่าปรับไป ซึ่งจะได้ 2 ทาง คือต่อไปคนจะเกรงกลัวมากขึ้น สำคัญที่สุดคือ กล้องปากกา หรือกล้องกระดุมนั้น หัวหน้าชุดปฏิบัติจะเป็นผู้ใช้บันทึกทั้งหมด เพื่อควบคุมการทำงานของตำรวจให้อยู่ในกรอบ รวมถึงป้องกันพวกที่มาเบ่งต่างๆก็จะลำบากขึ้น” รอง ผบช.น.กล่าว

ถามว่าอาสาสมัครจราจรนั้นต้องมีคุณสมบัติอย่างไร พล.ต.ต.วรศักดิ์กล่าวว่า ต้องมีเลือกแล้ว คิดพอสมควร ไม่เอาเยอะ สน.ละ 3-5 คน เอาแต่เรื่องนี้อย่างเดียว คุณไปทำอย่างอื่นไม่ได้ ไม่มีสิทธิ์ไปทำอย่างอื่น จากนั้นจะเก็บภาพและรายงานเข้ามา ส่วนกล้องนั้นจะเป็นกล้องอะไรก็ได้และส่งมาให้เรา นอกจากนี้ตำรวจก็จะมีส่วนที่ถ่ายภาพด้วย เนื่องจากมีการงดตั้งด่าน อาจจะลำบากในช่วงแรก แต่จะเป็นการนำเทคโนโลยีมาใช้มากขึ้น เมื่อตั้งด่านตำรวจก็จะเริ่มตั้งกล้อง อย่างน้อยก็ป้องกันตัวเองว่าไม่ได้ซุ่มจับ ตั้งด่านแล้วแฟร์ ก็ไม่มีข้อครหา โดยเมื่อไม่มีการตั้งด่านก็จะใช้การถ่ายภาพรถที่ปาก ที่แซงทั้งหลาย ก่อนบันทึกทะเบียนและแจ้งให้มาเสียค่าปรับ

ถามว่ากล้องพร้อมใช้ทั้งหมดเมื่อใด พล.ต.ต.วรศักดิ์กล่าวว่า หากพร้อมในการอบรมเมื่อใดก็พร้อมใช้ได้ทันที อุปกรณ์ต่างๆก็ใช้ของอาสา รวมถึงของตำรวจด้วยต้องนำมาช่วยกัน ใครมีอุปกรณ์ส่วนตัวก็ให้นำมาใช้ เพื่อให้การทำงานชัดเจนขึ้น ทั้งป้อง ทั้งปราม ทั้งปราบ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับ 12 ข้อหาหลักด้านการจราจร ได้แก่
1. ข้อหาแข่งรถในทาง
2. ขับรถเร็ว
3. แซงในที่คับขัน
4. เมาแล้วขับ
5. ขับรถย้อนศร
6. ไม่สวมหมวกนิรภัย
7. จอดรถซ้อนคัน
8. ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน
9. มลพิษควันดำ
10. จอดรถในที่ห้ามจอด
11. การจอดรถบนทางเท้า
12. การขับรถบนทางเท้า