มร.โยอิจิ มิซึทานิ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด กล่าวว่า รถจักรยานยนต์สปอร์ตใหม่ล่าสุด ที่เราได้นำเสนอให้กับทุกท่านในวันนี้ ถูกผลิตและคิดค้นอย่างพิถีพิถันในทุกองค์ประกอบ ผมนิยามความสุดยอดของรถคันนี้ออกเป็น 5 อย่างด้วยกัน เริ่มตั้งแต่ผู้ที่พัฒนารถรุ่นนี้เป็นผู้พัฒนารถ RC211, RC213V-S และรถซุปเปอร์สปอร์ตหลายๆรุ่นของฮอนด้า อาทิ CBR600RR ซึ่งถือได้ว่าเป็นผู้ที่มีความรู้และความชำนาญเกี่ยวกับรถสปอร์ตเป็นอย่างดีและได้ถ่ายทอด DNA ความเป็นสปอร์ตมาสู่ CB150R คันนี้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“ความสุดยอดที่สองคือ เครื่องยนต์ใหม่ขนาด 150 ซีซี. ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาใหม่ ตอบสนองการขับขี่ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ แรงและเร้าใจกับผู้ได้ขับขี่ ความสุดยอดต่อมาคือ การออกแบบที่คิดมาอย่างพิถีพิถันที่เน้นการรวมมวลมาที่จุดศูนย์ถ่วงของตัวรถมากที่สุด และมีการทำให้มีน้ำหนักเบาด้วยการออกแบบให้มวลน้ำหนักมาอยู่ใกล้ผู้ขับขี่ ทำให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้ง่ายและขับขี่สนุก ความสุดยอดที่สี่ คือ อุปกรณ์ต่างๆที่ใส่มาในรถคันนี้เป็นสเป็คระดับเดียวกันกับรถบิ๊กไบค์ ไม่ว่าจะเป็น
โช้คอัพหัวกลับขนาดเดียวกับ X-ADV 750 หรือเบรกหน้าเรเดียลเมาท์ 4 พอต พร้อม ABS G- Sensor ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่มีอยู่ใน CBR1000RR อีกหนึ่งความสุดยอดนั่นคือ เราได้ร่วมกับแบรนด์ตกแต่งชั้นนาจากญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็น Moriwaki, G’Craft และ Kitaco มาร่วมออกแบบและผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ตกแต่ง เพื่อเสริมให้ CB150R คันนี้โดดเด่นและดึงดูดทุกสายตา พร้อมสะท้อนความมีสไตล์ของโมเดิร์นคาเฟ่ได้อย่างลงตัว”
นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ รองประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด ผู้จัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้าในประเทศไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า “ตลาดรถจักรยานยนต์ประเภทรถสปอร์ตในเมืองไทยกำลังขยายตัวและมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นในฐานะที่ฮอนด้าเป็นผู้นาตลาดจักรยานยนต์ในเมืองไทย 29 ปีซ้อน จึงไม่หยุดความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์ เพื่อให้สอดคล้องกับเทรนด์ของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป และการนำเสนอรถสปอร์ตสไตล์ Modern Café ของฮอนด้าในครั้งนี้จะเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ เทรนด์ใหม่ให้กับวงการรถจักรยานยนต์สปอร์ตตระกูล 150 ซีซี. ในระดับโลกและในประเทศไทย”
“นับเป็นรุ่นที่สร้างกระแสฮือฮาให้กับวงการจักรยานยนต์ไทยได้อย่างไม่เคยมีมาก่อน ด้วยผลการตอบรับจากผู้บริโภคถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยหลังปล่อยทีเซอร์แนะนำรถเพียง 2 วัน สามารถสร้างยอด Engagement และยอดวิวที่สูงในเวลาอันรวดเร็วเมื่อเทียบกับรถรุ่นอื่นๆ และหลังจากที่เราทำการเปิดจองเพียง 5 วัน สามารถทำยอดจองได้ถึง 1,000 คัน โดยที่ลูกค้ายังไม่เห็นรถจริง ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่ลูกค้ามีต่อแบรนด์ฮอนด้าได้เป็นอย่างดี โดยปัจจุบันฮอนด้าคือผู้นาในกลุ่มรถสปอร์ตในประเทศไทยติดต่อกันมาตลอด 18 ปี และกำลังจะทายอดขายก้าวสู่ 1.5 ล้านคันแล้ว” กล่าวเสริม